พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
ในยุคนี้เราจะเรียกว่าเป็นยุคแห่งการปรับเปลี่ยนก็ว่าได้ เพราะทั้งสภาพแวดล้อมและปัจจัยทุกอย่างต่างก็ทั้งกดดัน และผลักดันให้เราต้องปรับตัว ทำให้หลาย ๆ คนมีความคิดว่าอยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือบางคนที่เคยทำธุรกิจอยู่แล้วก็อาจจะอยากเปลี่ยนธุรกิจใหม่ แต่หลายคนก็มีความกังวลว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ ในตอนอายุ 35+ นั้น ถือว่าแก่เกินไปหรือเปล่าสำหรับการเริ่มต้นใหม่ และถ้าทำจะประสบปัญหาอะไรหรือเปล่า เพราะตอนนี้เทคโนโลยีก็เริ่มตามไม่ค่อยจะทันเหมือนวัยรุ่นแล้ว ส่วนร่างกายก็ไม่ฟิตที่จะทำงานหามรุ่งหามค่ำ มีแต่ใจที่อยากจะสู้อย่างเดียว แบบนี้จะทำได้ไหม
ดังนั้น ผมเองก็เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองว่า จะสำเร็จมั๊ย ถ้าเริ่มต้นธุรกิจใหม่ตอน 35+ เพื่อ ให้เราได้นำไปพิจารณากันว่ามันเป็นไปได้ไหม และเรามีแต้มต่ออะไรบ้าง
ข้อได้เปรียบเมื่อทำธุรกิจตอนอายุ 35+
1. Experience
ข้อได้เปรียบอย่างแรกที่เราจะมี ก็คือประสบการณ์ ซึ่งประสบการณ์จริง ๆ ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่อายุ เพราะคนอายุมากอาจจะไม่มีประสบการณ์ก็ได้ แต่คำว่าประสบการณ์นั้น เราจะวัดกันที่คุณภาพของประสบการณ์ที่มี ถ้าเราสะสมชั่วโมงการทำงานมาเป็นอย่างดี โดยตั้งใจทำงานด้วยความทุ่มเท รับผิดชอบหน้าที่เป็นอย่างดี และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ตรงนี้แหละคือประสบการณ์อันเป็นพื้นฐานสำคัญ ที่เราจะเอามาใช้ในการทำธุรกิจใหม่ของเราได้
ถึงแม้ว่าธุรกิจใหม่ที่เราจะทำ มันอาจจะเป็นคนละสายกับงานเดิมที่เราเคยทำก็ตาม แต่ผมบอกได้เลยว่า ถ้าเรามีประสบการณ์ในการทำงานอะไรก็ตามอย่างดีพอ เราจะสามารถเอาประสบการณ์นั้นมาต่อยอดในงานใหม่ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนสายงาน เราจะสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพราะโดยธรรมชาติแล้วแก่นแท้หรือรูปแบบของธุรกิจนั้นจะคล้ายกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสายงานไหนก็ตาม เราจะสามารถประยุกต์ และเรียนรู้ข้ามสายงานได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเรามีประสบการณ์ที่ดีพอ
2. Connection
คนที่ทำงานมาจนอายุ 35+ จะมีแต้มต่ออีกอย่างหนึ่งก็คือการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ลูกค้า หรือกระทั่งเจ้านายเก่า ซึ่งถ้าหากเราเป็นคนดี จริงใจ ทำงานโดยซื่อตรง ไม่สร้างศัตรู แล้วรู้จักเข้าสังคม ยิ่งพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสมาคมธุรกิจต่าง ๆ จะยิ่งได้เครือข่ายเยอะขึ้น ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ
ดังนั้น ถ้าใครยังอายุน้อย ๆ ผมแนะนำว่า เวลาทำงานอย่าสร้างศัตรู เพราะมีศัตรูเพียง 1 คน ก็ถือว่ามีเยอะเกินไปในการทำธุรกิจ หรือเวลาจะออกจากที่ทำงานเดิม ย้ายไปทำงานที่ใหม่ ก็ไม่ใช่จะเผาสะพานทิ้ง บดขยี้ทุกสายสัมพันธ์ที่มีกับเพื่อนร่วมงาน กับเจ้านาย แบบนี้ไม่ดี ให้รู้เอาไว้เถอะว่าในโลกของการทำธุรกิจ ก็ไม่ต่างอะไรกับการไต่ขึ้นสู่ยอดเขา ยิ่งเราขึ้นไปสูงเท่าไหร่ คนจะยิ่งรู้จักกันหมด ดังนั้น ถ้าเรามีเครือข่ายที่ดีมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งประสบความสำเร็จได้มากเท่านั้น
3. Financial
ถ้าเราเริ่มต้นทำธุรกิจตอนอายุ 35+ แต้มต่อที่เราจะมีคือการมีต้นทุนการเงินที่มากกว่าตอนเป็นวัยรุ่น เพราะเรามีเงินที่สะสมเอาไว้แล้วในช่วงชีวิตการทำงานก่อนหน้านี้
เงินยังเป็นสิ่งตั้งต้นที่สำคัญในการทำธุรกิจ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าทำธุรกิจไม่ต้องใช้เงินก็ได้ แต่ผมก็ขอเตือนเอาไว้ว่า การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่คิดจะทำแบบเสี่ยงตายเอาดาบหน้า ดังนั้น อย่าทำธุรกิจแบบแทงหวย ที่คิดว่าถ้าแทงถูกก็รวยไปเลย โดยที่ไม่มีความรู้ ความเข้าใจอย่างอื่น แบบนี้เป็นการทำธุรกิจที่อันตรายมาก
รวมถึง ถ้าการที่เรามีอายุมาถึง 35+ แล้วจะมีเงินทุนก้อนหนึ่งได้ ก็แสดงว่าได้ผ่านการบ่มเพาะนิสัยรวยมาแล้ว นั้นก็คือการอดออม พอเรามาทำธุรกิจ ก็แปลว่าเราสามารถที่จะบริหารจัดการด้านการเงินได้ดีกว่าการที่เราไม่เคยบ่มเพาะเรื่องราวทางการเงินมาก่อนเลย
4. Credit
เครดิต คือคุณงามความดีที่เราเคยทำเอาไว้ในอดีต พอสะสมไปเรื่อย ๆ มันก็จะกลายเป็นเครดิต เพราะการที่เรามีอายุ 35+ ไม่ใช้เราจะโผล่ขึ้นมาจาก 0 แต่มันหมายความว่าได้ผ่านการใช้ชีวิตมาแล้วหลายสิบปี เราเคยทำกรรมไว้แบบไหน สิ่งที่เราทำนั้นแหละจะย้อนกลับมาหาเรา ถ้าเรากินเหล้าเมายา การงานไม่รับผิดชอบ ไม่ซื่อสัตย์จริงใจ สุดท้ายเราก็จะเป็นคนไม่มีเครดิต เพราะกรรมชั่วต่าง ๆ ที่เราทำเอาไว้ มันไม่ได้หายไปไหน แถมยังย้อนกลับมาหาเราเสมอ
ดังนั้น การสร้างเครดิต ก็เหมือนการสร้างกรรมดี อะไรเป็นสิ่งดี ๆ ให้เรารีบทำสะสมเอาไว้ ช่วยเหลือคน ช่วยเหลือสังคม ไม่คดโกงใคร แล้วพอในวันหนึ่งที่เราต้องการความช่วยเหลือ เครดิต หรือกรรมดีที่เราทำเอาไว้นั้นแหละ จะย้อนกลับมาหาเรา
5. Perspective
พอเราผ่านโลกมาเยอะ ๆ เราจะเห็นโลกกว้างขึ้น มองได้รอบด้าน มีความละเอียดรอบคอบ ใจเย็น และเข้าใจโลก ถ้าใครผ่านโลกและใช้ชีวิตมาสักระยะหนึ่งจะเข้าใจเรื่องนี้ดี เหมือนตอนที่เราเป็นวัยรุ่น เราอาจจะมีความคิดแบบหนึ่ง พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ความคิดหลาย ๆ อย่างของเราก็เปลี่ยน
การที่เรามองเห็นโลกได้กว้างขึ้น จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม และไม่ด่วนตัดสินใจจนผิดพลาด
6. Passion
เมื่อเราอายุ 35+ เราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราจะรู้ว่าเราชอบอะไร เราไม่ชอบอะไร เราเป็นใคร เราเกิดมาเพื่อทำอะไร เพราะเราได้ผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้ว เราจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดี อันไหนไม่ใช่ทาง เมื่อเรามาเลือกทำธุรกิจ เราก็จะสามารถเลือกธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเอง
ยิ่งถ้าใครได้มีการเตรียมตัวเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน ทำความเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ ฝึกฝนในทักษะที่ตัวเองชอบอยู่ตลอดเวลา พอได้มาทำธุรกิจที่เป็นตัวเอง ก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราไม่ได้เริ่มต้นจาก 0 แต่เราเริ่มต้นจากต้นทุนเดิมที่เป็นตัวของตัวเอง และสะสมบ่มเพาะและเตรียมตัวมานานแล้ว
ซึ่งการเตรียมตัวให้มีความพร้อมนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการที่เราจะทำงานให้ประสบความสำเร็จ เหมือนกับที่ อับราฮัม ลินคอล์น ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าผมมีเวลา 6 ชั่วโมงในการตัดต้นไม้ ผมจะใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการลับขวาน”
และทั้งหมดนี้ก็คือคำอธิบายที่ว่า จะสำเร็จมั๊ย ถ้าเริ่มต้นธุรกิจใหม่ตอน 35+ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าเราจะอายุมากหรือน้อยนั้นไม่สำคัญ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ในการที่จะทำธุรกิจ และผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่าน ถ้าใครที่อายุเกิน 35 ปีแล้วก็มาลุยกันได้เลย เพราะแม้แต่ตัวผมเองที่มาเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองครั้งแรก ก็ตอนอายุ 34 กว่า ๆ เช่นเดียวกัน ดังนั้น ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับการที่เราจะเริ่มต้นทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในชีวิต