พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
อย่างที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ได้สร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเรียกได้ว่าจะต้องได้รับผลกระทบกันโดยทั่วหน้า มีทั้งปิดกิจการ มีทั้งการเลิกจ้าง หรือลดจำนวนพนักงานลง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นอัตราเร่งสำคัญที่ทำให้ทุก ๆ คนจะต้องปรับตัวให้เร็ว เพื่อที่จะไม่ถูกกลืนหายไป จึงทำให้เกิดรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ ๆ และวิธีการทำธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมายในช่วงเวลานี้ เพื่อให้สามารถอยู่รอดและผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตไปได้
รวมถึงเมื่อ Covid ผ่านพ้นไปแล้ว คำถามที่สำคัญก็คือ เราจะเดินหน้าในการทำธุรกิจต่อไปอย่างไร เพราะในเวลานั้นโลกอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้อีกแล้วก็ได้ เนื่องจากผู้คนและระบบต่าง ๆ ในสังคม มีความคุ้นชินและได้ผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งกับเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างลงตัวแล้ว
ดังนั้น สำหรับในยุคต่อไป โจทย์สำคัญของการทำธุรกิจที่เราจะต้องคิดตั้งแต่ตอนนี้ก็คือ จะเอาตัวรอดหลัง Covid ธุรกิจต้องมีอะไร ซึ่งผมมีคำแนะนำ ดังนี้
1. ธุรกิจต้องมีความยืดหยุ่น
ทีมงาน จะต้องสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะดูเป็นเรื่องใหม่ แต่สำหรับในต่างประเทศ การทำงานสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ โดยบางบริษัทนั้น ทีมงานอาจจะอยู่กันคนละมุมโลกด้วยซ้ำ แต่พวกเขาอาศัยเทคโนโลยีเป็นสื่อกลางในการที่จะประสานความร่วมมือและทำงานร่วมกันได้ แต่สำหรับในประเทศไทยเอง เราพึ่งจะมีการทำงานแบบ Work From Home อย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ในช่วงโควิดนี้เอง
ซึ่งนอกจากการทำงานที่บ้านแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็คือ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงของเวลาในการทำงานไปจากเดิม คือจะไม่มีการเข้างาน 8 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็นในแบบที่เราคุ้นเคยอีกแล้ว เพราะในอนาคตถ้าหากโครงสร้างในการทำงานถูกปรับเปลี่ยนไปทั้งระบบแล้วล่ะก็… การใช้ชีวิตและการทำงานของทุกคน จะถูกยึดโยงกับระบบออนไลน์ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เราจะไม่สามารถกำหนดเวลาในการทำงานได้เลย ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างได้จาก ณ ตอนนี้คนที่ขายของออนไลน์ บ้างครั้งเขาขายกันตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลากลางคืนแล้วจะเลิกงานหรือปิดร้าน
ด้วยเหตุนี้ ระบบงานในอนาคตอาจจะต้องมีการวางระบบการทำงานออกเป็น 3 กะ และมีพนักงานสลับสับเปลี่ยนกันมาทำงานตลอดทั้งวัน ทั้งคืน รวมถึงยังจะต้องมีเครื่องมือที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ ระบบออนไลน์อัตโนมัติ เพราะสิ่งนี้จะเป็นผู้ช่วยในการทำงานแทนเรา แม้แต่เวลาที่เรานอนหลับในตอนกลางคืน ระบบอัตโนมัติของเราก็ยังสามารถที่จะสร้างการขายได้ด้วยตัวเอง
การผลิต ที่ผ่านมานั้น ในการทำธุรกิจเรามักจะมีการวางระบบหรืออกแบบมาเพื่อผลิตสินค้า หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการเฉพาะเท่านั้น แต่ในปัจจุบันและอนาคต เราจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการผันตัวเองไปทำสิ่งอื่น ๆ ตามสถานการณ์ หรือโอกาสที่มีเข้ามาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งตัวอย่างที่ผ่านมา เราก็คงจะได้เห็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าบางแห่ง ผันตัวเองไปทำหน้ากากอนามัยในช่วงเวลาที่ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีความขาดแคลน
ดังนั้น ในวันนี้ ถ้าหากใครเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเจ้าของโรงงาน เราจะต้องถามตัวเองแล้วว่า ระบบการผลิตของเรานั้นมีความยืดหยุ่น และสามารถที่จะปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้า จากสินค้า A ไปสินค้า B ได้หรือไม่ ซึ่งคุณสมบัตินี้ ถ้าหากใครยังไม่สามารถทำได้ ผมก็ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงที่ธุรกิจนั้นจะถูกกลืนหายไป
การขาย ซึ่งโจทย์ที่สำคัญก็คือ เราจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถที่จะดูสินค้าของเราได้ โดยที่ไม่ต้องมาหาเราที่ร้าน และการดูสิ้นค้านั้นจะต้องเป็นการนำเสนอข้อมูลคุณภาพสูงเพียงพอที่จะให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ ซึ่งปัจจุบันเราอาจจะพบว่าธุรกิจที่ขายสินค้าบางชนิดสามารถที่จะทำตรงนี้ได้เป็นอย่างดี เช่น เว็บไซต์ของรองเท้ากีฬาแบรนด์ดัง ๆ ก็ได้นำเสนอสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยลูกค้าสามารถที่จะเห็นสินค้าได้ในทุก ๆ มุมมอง และสามารถกดซูมเข้าไปดูสินค้าได้ใกล้ ๆ ไม่ต่างจากการไปเลือกซื้อสินค้าที่ร้านเลย
นอกจากนี้ สินค้าประเภทอื่น ๆ ก็จำเป็นที่จะต้องสร้างรูปแบบการนำเสนอการขายบนเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจะต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถอำนวยความสะดวกเพื่อลูกค้าจะสามารถเลือกซื้อสินค้าจากเราได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้านด้วยตัวเอง รวมถึงเรายังจะต้องสร้างเครดิตในการขายสินค้าทางออนไลน์ให้ได้ เช่น ถ้าเกิดลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว เราจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสินค้านำมาเปลี่ยน หรือมาคืนได้ในกรณีที่ลูกค้าเห็นของจริงแล้วไม่พึงพอใจกับสินค้า สิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมันและทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ นั้นเอง
2. ธุรกิจต้องมีตัวตนบนโลกออนไลน์
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการมีตัวตนบนโลกออนไลน์นั้น มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ทว่าก็ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง บางคนอาจจะมีบัญชีออนไลน์ แต่ไม่เคยขายสินค้าในนั้นเลย ซึ่ง ณ วันนี้ ถ้าใครยังไม่ได้ทำ จะอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว เพราะถ้าคุณไม่ทำ คุณก็จะไม่สามารถเปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ในการเข้าถึงลูกค้าได้ นอกจากนี้…สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าคุณไม่ทำ แต่คนอื่นเขาทำ สุดท้ายคุณก็จะไล่ตามเขาไม่ทัน
สำหรับการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์นั้น เราสามารถที่จะทำได้ผ่านหลากหลายช่องทาง แต่ ณ วันนี้เราก็จะต้องเลือกแล้วว่าเราจะใช้ช่องทางไหนในการนำเสนอตัวตนดี เพราะปัจจุบันพื้นที่ออนไลน์นั้นไม่ต่างอะไรกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งบางอันก็มีต้นทุนสูงเกินมูลค่าไปมากแล้ว แต่บางอันก็ยังมีต้นทุนต่ำกว่ามูลค่าอยู่
ดังนั้น ผมจะขอหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาแนะนำ เพื่อให้เรารู้ว่าพื้นที่ไหนยังเป็น New Area ที่เรายังพอจะสามารถไปจับจองเป็นเจ้าของ และจะสร้างมูลค่าเพิ่มเติมให้กำเราได้ โดยที่มีต้นทุนไม่สูงเกินไป ดังนี้
Clubhouse ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการที่เราจะนำเสนอตัวตนของธุรกิจ โดยผมขอเปรียบเทียบกับ Facebook ก็แล้วกัน เพราะผมเองก็มีบัญชี Facebook ซึ่งมีผู้ติดตามอยู่แสนกว่าคน แต่เมื่อผมทำการ Live สด จะมีคนเข้ามาดูแค่ร้อยกว่าคน ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ผมเสียไป เพราะในตอนหลังนี้ระบบของ Facebook ค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ผมได้ใช้ Clubhouse ในการนำเสนอตัวตนออกไป ซึ่งครั้งหนึ่งจะมีคนเข้ามาฟังไม่ต่ำกว่า 200 – 300 คน ซึ่งถือว่าได้ผลตอบแทนดีกว่า Facebook ถ้าเทียบในอัตราส่วนของต้นทุนที่ผมต้องเสียไป
Google my business ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังมองข้าม แต่ขณะเดียวกันในปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่เวลาจะเดินทาง ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัย Google map ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เรารู้ว่าตรงไหนรถติด ตรงไหนรถไม่ติด และควรจะเลี่ยงไปใช้เส้นทางไหนดี ซึ่งผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้ Google map ในการเดินทางเป็นประจำ และผมก็ได้สังเกตว่าทำไมบางทีเราจะไปร้านอาหารดัง ๆ หรือโรงแรมดัง ๆ แต่กดหาใน Google map ยากมาก จนกระทั่งในที่สุดก็มาเข้าใจว่า เป็นเพราะร้านอาหารหรือธุรกิจเหล่านั้นยังไม่ได้ลงทะเบียนกับ Google my business นั้นเอง ดังนั้นถ้าหากเราอยากจะให้คนมาหาร้านเราเจอ ไม่ให้ร้านอื่นดึงลูกค้าไป(เพราะหาง่ายกว่า) เราจะต้องไปปักหมุดและลงทะเบียนให้เรียบร้อย
สุดท้ายแล้ว ในวันนี้และอนาคต ผมเชื่อว่าการสร้างชื่อเสียงจะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในเฉพาะคนที่พูดเก่ง หรือคนที่มีสื่ออยู่ในมือเท่านั้น เพราะเรายังมีทางเลือกซึ่งเป็นพื้นที่ออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีต้นทุนที่ต่ำ ในการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของเรา ไม่ว่าจะเป็น Clubhouse หรือ Google my business ที่ผมได้แนะนำภาพรวมไปแล้ว ซึ่งถ้าใครยังไม่เคยได้ใช้ ก็ควรที่จะไปศึกษา และใช้งานเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้แล้ว สิ่งสุดท้ายที่ผมจะแนะนำก็คือ เราควรจะต้องมี Website เป็นของตัวเอง และจะต้องใช้ Facebook และ LineOA เข้ามาบูรณาการร่วมกัน รวมถึงจะต้องมีทีม Customer services ที่คอยดูแลและตอบคำถามออนไลน์ต่างด้วย
3. ธุรกิจจะต้องวิ่งเข้าหาโอกาสใหม่ ๆ
ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส สำหรับบางธุรกิจ ช่วงนี้อาจจะถือเป็นช่วงขาลง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางธุรกิจที่เป็นช่วงขาขึ้น เช่น บริษัทของผมได้ให้บริการด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจ นอกจากนี้ผมยังทำบริษัทดิจิตอลเอเจนซี่ ซึ่งถ้าดูกันดี ๆ จะพบว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจประเภทนี้ก็ว่าได้ เพราะเมื่อธุรกิจมีปัญหา ทุกคนย่อมต้องการที่ปรึกษานั้นเอง
ซึ่งการวางแผนธุรกิจถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เราจะอยู่รอดได้ในยุคแห่งอนาคตจะต้องมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ เสมอ ซึ่งตอนนี้ผมเองก็ได้เริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ อีกสองสามธุรกิจ เพราะเห็นโอกาสใหม่ ๆ ที่คาดการณ์แล้วว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะถือเป็นแหล่งน้ำมันแห่งใหม่ในอนาคตกว่าได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจยุคต่อไป เราจะต้องวิ่งเข้าหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
4. ธุรกิจจะต้องมีแหล่งเงินสดอย่างน้อย 6 เดือน
เราจะต้องทำการคำนวณเลยว่าใน 1 เดือน เรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ในแต่ละเดือน เพื่อที่จะสามารถทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยเราจะต้องดูต่อไปอีกว่าแหล่งเงินสดที่เรามีนั้นเพียงพอที่จะใช้จ่ายได้ในระยะเวลากี่เดือน และถ้าหากตอนนี้ บริษัทไหนยังไม่มีแหล่งเงินสดสำรองเพียงพออย่างน้อย 6 เดือน จะถือว่าอันตรายมาก โดยจะต้องรีบมองหา และสร้างเครดิตขึ้นมาให้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดบริษัทควรจะมีแหล่งเงินสดสำรองเอาไว้ให้เพียงพออย่างน้อยเป็นเวลา 18 เดือน จึงจะถือว่าปลอดภัยมาก
เพราะโลกในอนาคตจะแตกต่างไปจากเดิม เรื่องราวของการ จะเอาตัวรอดหลัง Covid ธุรกิจต้องมีอะไร จึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อการแพร่ระบาดของ Covid ได้กลายเป็นอัตราเร่งให้โลกปรับตัวไปอย่างรวดเร็วในทุกภาคส่วน และหลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไป รูปแบบวิถีชีวิตของผู้คนตลอดจนการทำธุรกิจของเราจะไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกอีกต่อไป