พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
Information doesn’t make transformation แปลว่า “ความรู้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลง” ซึ่งผมคิดว่าคำกล่าวนี้ค่อนข้างที่จะจริงเลยทีเดียว เพราะความรู้เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่สิ่งที่จะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิต หรือประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ก็คือทัศนคติ หรือมุมมองต่อการใช้ชีวิต
ซึ่งหลายคนมักจะพูดว่า…คนเราเกิดมามีต้นทุนชีวิตไม่เท่ากัน ผมเองก็เห็นด้วยว่า…ใช่ แต่ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือเราต้องมีทัศนคติหรือมุมมองที่ถูกต้องก่อนว่า จริง ๆ แล้ว ต้นทุนในการทำธุรกิจนั้นไม่ได้หมายถึงเงินเพียงอย่างเดียว
ดังนั้น ในวันนี้ผมอยากจะให้เราเข้าใจเรื่องต้นทุน 8 ชนิด ซึ่งถ้าหากใครมีต้นทุนเหล่านี้ ผมรับประกันได้เลยว่าคุณจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจอย่างแน่นอน
1. Education capital – มีความรู้เป็นทุน
คำว่า “ความรู้” นี้ อาจจะไม่ได้หมายถึงแค่การเรียนรู้ในระบบ ในสถาบันการศึกษา หรือมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียว เพราะคนที่มีความรู้จริง ๆ เขาอาจจะไม่ได้จบปริญญาก็ได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้หมายความว่าการเรียนรู้ในระบบเป็นสิ่งไม่ดี เนื่องจากสุดท้ายแล้ว ปริญญาหรือใบรับรองทางการศึกษาก็มีความสำคัญตามแต่บริบทที่สมควรจะเป็น เช่น ถ้าหากคุณจะมีอาชีพเป็นหมอ เป็นนักจิตวิทยา เป็นครู เป็นทนายความ หรือเป็นวิศวกร แน่นอนว่าคุณก็ต้องเข้ารับการศึกษาตามระบบ และจะต้องมีใบรับรองมาตรฐานวิชาชีพของคุณเสียก่อน จึงจะออกมาประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้
แต่สำหรับการประสบความสำเร็จในด้านอื่น ๆ ซึ่งเป็นบริบทที่แตกต่างกันออกไป การมีใบรับรองความรู้อาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะบางคนเรียนรู้จาก YouTube, Face book จากการอ่านจากหนังสือ หรือเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์มาก่อน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการเข้าถึงต้นทุนด้านความรู้ทั้งสิ้น ดังนั้น การมีความรู้นั้นไร้ขอบเขต และขีดจำกัด ทุกวันนี้ทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่บนโลกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันจะเป็นต้นทุนแห่งความสำเร็จ ถ้าหากเรารู้จักหยิบจับเอามาใช้ประโยชน์ในชีวิตได้
2. Emotional capital – มีอารมณ์ดีเป็นทุน
คนเราต้องมี EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ สิ่งนี้ก็ถือเป็นต้นทุนเหมือนกัน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของการทำงานในชีวิตของผม ก็พบว่าการที่เจ้านายจะเลือกใครสักคนขึ้นมาเป็นหัวหน้า นอกจากความรู้ความสามารถแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะเอามาเป็นข้อพิจารณาก็คือเรื่อง EQ เนื่องจากว่าการทำงานในแต่ละวัน โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้า หรือผู้ที่ต้องบริหารงาน บริหารทีม จะต้องมีการติดต่อประสานงานกับผู้อื่นอยู่เสมอ ถ้าหากว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ การติดต่อประสานงานต่าง ๆ ก็ล้มเหลว
ดังนั้น ถ้าจะประสบความสำเร็จในการทำงาน หรือการทำธุรกิจ ความเก่งอย่างเดียวอาจจะไม่พอ แต่จะต้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ใจเย็น จิตใจมั่นคง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จด้วย
3. Peer capital – มีเพื่อนเป็นทุน
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ถ้าเราใช้ชีวิตโดยไม่คบเพื่อน เราจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตได้เลย ไม่ว่าคุณจะขายเก่ง จะผลิตเก่ง หรือมีความเชียวชาญแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จในระดับสูงได้ เพราะสมการแห่งความสำเร็จของชีวิตไม่สมบูรณ์
ในบางจังหวะชีวิตเราต้องช่วยเพื่อน บางช่างเพื่อนต้องช่วยเรา พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อนจึงถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้
4. Social capital – มีสังคมล้อมรอบที่เกื้อกูลเป็นทุน
การที่เราได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ถือเป็นต้นทุนที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จเช่นกัน ซึ่งคำว่าสิ่งแวดล้อมนี้ไม่ได้หมายร่วมถึงแค่เพื่อน หรือคนรู้จักเท่านั้น สิ่งแวดล้อมหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ซึ่งคอยเกื้อหนุนให้เราประสบความสำเร็จ
เช่น คนที่ชื่นชอบ หรือติดตามผลงานของเรา ซึ่งอาจจะเป็นคนที่เราไม่รู้จักก็ได้ แต่คนเหล่านี้คือพลังสำคัญที่คอยเกื้อกูลให้เราประสบความสำเร็จ
5. Financial capital – มีการเงินเป็นทุน
เงิน ถือเป็นต้นทุนที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ บางคนอาจจะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง หรือมีฐานะร่ำรวยมาแต่แรก ดังนั้น เราก็จำเป็นจะต้องเสริมสร้างต้นทุนด้านอื่นที่เราพอจะทำได้ให้สมบูรณ์เสียก่อน เช่น การมีความรู้ มีความฉลาดทางอารมณ์ มีเพื่อนที่ดี ไปอยู่ในสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่ดี สุดท้ายแล้วเงินมันจะมาเอง เพราะ มีเศรษฐีหลายคน ที่ลงทุนทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จใหญ่โต ด้วยเงินตั้งต้นจากคนอื่น นี้คือการมีเงินต้นทุน
6. Time capital – มีเวลาเป็นทุน
เวลาคือต้นทุนที่เสียไปแล้ว เราไม่สามารถเรียกกลับคืนมาใหม่ได้ ดังนั้น วันนี้ถ้าใครยังอายุไม่มาก ผมบอกได้เลยว่าให้เริ่มต้นทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบแล้วค่อยออกมาทำ เพราะผมเองก็เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ตอนยังเป็นนักศึกษา ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง เขามีลูกเรียนอยู่ ม.4 ซึ่งสามารถที่จะหารายได้จากการไปจองบัตรศิลปินดารา แล้วนำไปขายต่อ จนตอนนี้มีเงินเก็บหลักแสนแล้ว นี้คือต้นทุนเวลา ที่แต่ละคนใช้ไป แล้วได้ผลลัพธ์กลับมาไม่เหมือนกัน
7. Consciousness capital – มีสติเป็นทุน
สติ ก็เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งเหมือนกัน และผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ถ้าวันนี้เราทำอะไรไปโดยขาดสติ ผมบอกได้เลยว่าหายนะจะมาเยือนเอาได้ บางคนขับรถปาดหน้ากัน ก็ลงมาต่อยกัน มายิงกัน ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ขาดสติ หรือบางคนถ้าไม่มีสติ ก็ไปทะเลาะกันในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เสร็จแล้วก็โดนฟ้อง เสียเงิน เสียเวลาในชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์
รวมถึงในแง่ของการเข้าสังคม ถ้าเรามีสติ รู้จักประคับประคองตัวเองให้อยู่ในรูปในรอยที่ถูกต้อง เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า เจ้านาย นักลงทุน ก็จะเกิดความศรัทธาในตัวเรา ทำให้เราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ
8. Attitude capital – มีทัศนคติเป็นทุน
สำหรับต้นทุนที่กล่าวมาในแต่ละข้อ บางข้อก็อาจจะดูเหมือนเป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ แต่ผมอยากให้เรามองภาพรวมของใช้จริง ๆ เราจะพบว่า คนที่เกิดรวย ถ้าทัศนคติไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ล้มละลายกลายได้ หรือถ้าใครเกิดมาไม่รวย แต่มีต้นทุนของทัศนคติที่ดี เขาก็จะมีชีวิตที่ปกติสุข หรือประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงานได้ นี้คือความสำคัญของทัศนคติ ซึ่งก็คือการที่เราเห็นและมีมุมมองที่ถูกต้อง ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน
และทั้งหมดนี้ก็คือ ต้นทุน 8 ชนิด ที่ช่วยทำให้ธุรกิจสำเร็จ ซึ่งถ้าหากเราบ่มเพาะให้เกิดขึ้นในตัวของเรา มันก็จะเป็นต้นทุนที่ติดตัวเราไป ไม่ว่าเราจะไปทำอะไร ไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เราก็จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ โดยเฉพาะข้อสุดท้ายคือเรื่อง “ทัศนคติ” ที่ถูกต้อง ขอแค่ให้มีข้อนี้ข้อเดียว สุดท้าย ข้ออื่น ๆ ก็จะตามมาเอง