พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
สำหรับในตอนที่ 2 นี้ เราจะมาติดตามกันต่อถึงเรื่องราวชีวิตและความสำเร็จของคุณประไพศรี ประเสริฐแก้ว หรือ คุณน้ำตาล นักธุรกิจร้อยล้านด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจจากชีวิตที่ติดลบ แต่เธอก็สามารถฝ่าฟันข้อจำกัดของชีวิตมากมายและมุ่งหน้าเข้าสู่โลกแห่งการทำธุรกิจ ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ไปติดตามกันได้เลยครับ…
เปิดบริษัทเอเจนซี่โฆษณา
เมื่อคุณน้ำตาลได้เปิดบริษัทเอเจนซี่โฆษณาเป็นของตัวเอง ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้สวย โดยเริ่มมีลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้พบกับลูกค้ารายใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นธุรกิจระดับประเทศ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่กรุงเทพฯ แต่มาเปิดบริษัทสาขาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และด้วยความที่เป็นบริษัทใหม่ที่พึ่งจะเข้ามาบุกเบิกทำธุรกิจในเชียงใหม่ จึงได้มีคนแนะนำให้เขามารู้จักกับคุณน้ำตาล…
“ด้วยความที่เขาเป็นบริษัทใหม่ และผู้บริหารเองยังใหม่ พึ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศ ยังไม่รู้จักพื้นที่ ไม่รู้จักคน เราก็เลยเข้าไปช่วยเติมเต็มในส่วนที่เขายังขาด ทำหน้าที่เหมือนจะเป็นเลขาฯเลยก็ว่าได้ คือพยายามสร้างคอนเน็คชั่นให้เขา ทำให้เขาได้รู้จักกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ประสานงานจัดกิจกรรมออกรอบเล่นกอล์ฟให้เขา เพื่อเป็นจุดเชื่อมให้นักธุรกิจมาเจอกัน ส่วนเขาเองก็ได้ให้งบเรามาหลายล้านบาทเพื่อซื้อสื่อโฆษณาฯ โดยเราก็ได้วางแผนการโฆษณาให้กับเขา พอได้ลูกค้าเจ้านี้มา ก็ทำให้บริษัทเราโตขึ้นเรื่อย ๆ”
หลังจากที่บริษัทของคุณน้ำตาลเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้คนที่เคยอยู่ในแวดวง AE เหมือนกัน หันมาเอาอย่างบ้าง โดยพากันออกมาเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองกันเยอะขึ้น ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจ และราคาถูกกดต่ำลง โดยในตอนนั้นคุณน้ำตาลก็เริ่มมองเห็นปัญหา จึงได้พยายามแตกแขนงทางธุรกิจออกไป เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในด้านอื่น ๆ โดยได้เปิดเป็นบริษัทออแกไนซ์เซอร์ และรับจัดกิจกรรมงานอีเว้นท์ต่าง ๆ
“เราก็ตั้งคำถามว่า…ถ้าแข่งราคากันแบบนี้ ต่อไปคงไม่รอด แล้วเราจะทำยังไงให้ยอดขายกลับมาดีเหมือนเดิม ด้วยความที่ชอบสังเกต เราก็ไปเห็นป้ายรับสมัครพนักงานขายตามโครงการหมู่บ้านจัดสรรต่าง ๆ หลายแห่ง ไปตรงไหนก็เห็นแต่ป้ายรับสมัครพนักงานขาย เพราะตอนนั้นธุรกิจอสังหาฯเฟื่องฟูมาก เราก็เลยได้แนวคิดว่า ตอนนี้ตลาดอสังหาฯ กำลังต้องการคนที่จะเข้าไปช่วยขาย…”คุณน้ำตาลกล่าว
รับบริหารงานขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เมื่อได้ไอเดียนี้มา คุณน้ำตาลก็ได้เริ่มเข้าไปศึกษางานขายด้านอสังหาริมทรัพย์ทันที โดยใช้วิธีเข้าไปดูตามโครงการต่าง ๆ หลายแห่ง ซึ่งใช้ไปเวลาประมาณ 1 เดือน ต่อจากนั้นคุณน้ำตาลก็รับสมัครพนักงานเข้ามาใหม่ เพื่อสร้างทีมงานขายของตัวเองโดยเฉพาะ ซึ่งคุณน้ำตาลเป็นคนฝึกสอนเองเทคนิคและวิธีการขายต่าง ๆ เองทั้งหมด
“เราคิดและลงมือทำเพราะเรามองเห็นโอกาส ซึ่งตอนนั้นก็ถือเป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะมาก คือมีสื่อโฆษณาเจ้าหนึ่งที่เราเคยร่วมงานกับเขา นั่นก็คือ Home Buyers Guide เขาได้โทรมาถามเราว่า มีลูกค้าอยากได้พนักงานขายอสังหาฯ คุณน้ำตาลพอจะหาพนักงานขายไหม ซึ่งตอนนั้นเราก็ตอบตกลงทันที และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้เริ่มเข้าไปทำในส่วนของการบริหารงานขายให้กับโครงการอสังหาฯ โดยงานแรกนั้นเราดำเนินการขายได้อย่างสำเร็จลุล่วง และปิดโครงการได้ตามกำหนด พอเรามีผลงานที่ดี ก็เริ่มมีชื่อเสียง แล้วก็ได้มีโอกาสบริหารงานขายให้กับโครงการอื่น ๆ อีก”
ต่อมาได้มีนักลงทุนจากกรุงเทพฯกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นหุ่นส่วนกัน 3 คน มาลงทุนทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เชียงใหม่ และได้ทาบทาบให้บริษัทของคุณน้ำตามมาบริหารงานขายให้ ซึ่งโครงการนี้เรียกได้ว่าเริ่มต้นจากที่ดิบแปลงเปล่า ๆ ยังไม่มีโครงสร้างอะไรเลย แต่ด้วยทำเลที่ตั้งดีดีคืออยู่ในย้านธุรกิจ เมื่อคุณน้ำตาลก็ได้เข้าไปดูเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทางธุรกิจ และดูเรื่องเอกสารต่าง ๆ ว่ามีความพร้อมมากแค่ไหน ก็ได้ตกลงว่าจะเข้าไปบริหารงานขายให้ ตลอดจนทำเรื่องของการวางแผนโฆษณาให้ด้วย
ซึ่งในโครงการนี้ คุณน้ำตาลก็ยังคงสามารถบริหารงานขายได้อย่างดีเยี่ยม…เพราะความที่เป็นคนพูดจริง ทำจริง และจริงใจ ตลอดจนเครดิตชื่อเสียงต่าง ๆ ที่ได้สั่งสมมาในการทำธุรกิจอย่างยาวนาน ก็จึงทำให้การขายเป็นไปอย่างราบรื่น โดยมีลูกค้าตกลงที่จะซื้อไปแล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของโครงการ และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ก็ถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อเช่นกัน
จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่วิกฤตผลักดันให้เติบโต
จนกระทั่งวันหนึ่ง โครงการนี้มีเหตุให้ไปต่อไม่ได้ เพราะหุ้นส่วนของโครงการมีปัญหากันเอง วิกฤตจึงมาตกอยู่ที่บริษัทของคุณน้ำตาล เพราะแม้ว่าจะไม่ใช่เจ้าของโครงการ แต่เป็นบริษัทที่บริหารงานขาย และเป็นผู้เสนอขายโครงการให้กับลูกค้า ถ้าหากโครงการล้ม เรียกได้ว่าความเสียหายไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่เป็นชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจะถูกทำลายลงไปด้วย
“เราก็เลยมาตั้งคำถามว่า…ถ้าไม่เลิก เราจะแก้ปัญหาได้ยังไง เขาติดปัญหาอะไร แล้วที่สำคัญ เราจะเลิกไม่ได้เด็ดขาย เพราะถ้าเลิก บริษัทเราจะถูกลูกค้าฟ้องแน่ ๆ”
จนในที่สุดคุณน้ำตาลก็ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นคนทำโครงการนี้ต่อด้วยตัวเอง โดยได้ไปประสานงานกับเจ้าของทีดิน แล้วไปเขียนโครงการทำเรื่องของกู้กับธนาคารด้วยตัวเอง ซึ่งก็ได้รับความไว้วางใจจากธนาคาร และคุณน้ำตาลก็ได้เข้ามาเป็นผู้ดูแลโครงการนี้แทนผู้ดูแลชุดเดิมที่ถอนตัวออกไป
โดยคุณน้ำตาลได้เข้ามาดูแลโครงการให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างสำเร็จลุล่วง และปิดโครงการในเฟสแรกได้ในที่สุด ถือเป็นการผ่านพ้นวิกฤตไปได้ แถมยังก้าวเข้ามาอยู่ในจุดที่เติบโตขึ้นอีกด้วย ต่อมาคุณน้ำตาลก็ได้ขึ้นโครงการในเฟส 2 และ 3 โดยสามารถปิดโครงการทั้งหมดซึ่งมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ด้วยระยะเวลา 4 ปี
9 บทสรุปการเดินทางของชีวิต
คุณน้ำตาลได้ถอดบทเรียนของชีวิตตัวเองเอาไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเธอเชื่อว่าหลักคิดนี้จะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถนำเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิต และสร้างความสำเร็จให้กับตัวเองได้
- ตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ เราต้องตั้งคำถามอยู่เสมอ ในทุก ๆ ช่วงตอนของชีวิต เพราะสิ่งนี้จะทำให้เรารู้ว่าเราควรจะต้องจัดการกับชีวิตอย่างไร เช่น คุณน้ำตาลตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองมีงานที่ดีทำ ไม่ต้องเป็นชาวนาน ทำงานกลางแดดร้อน ๆ ซึ่งคำตอบก็คือต้องเรียนหนังสือ ดังนั้น เราจะต้องมีการตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าต่อไป แม้อาจจะดูเหมือนเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ถ้าเราไม่หยุดก้าว วันหนึ่งเราจะไปถึงในจุดที่ประสบความสำเร็จได้เอง
- อยู่ให้เขารัก จากให้เขาคิดถึง เมื่อเราไปทำงานอยู่กับใครก็ตาม เราจะต้องทำสิ่งดี ๆ ให้กับเขา และเมื่อเราจะจากไป เราก็ต้องจากไปดี ๆ ซึ่งสิ่งดี ๆ เหล่านี้นี่เองที่ทำให้มิตรภาพยังคงอยู่ และเขาจะยังคิดถึงเรา เหมือนกับที่หลาย ๆ ครั้งของชีวิต คุณน้ำตาลจะได้รับโอกาสดี ๆ จากมิตรเก่า เจ้านายเก่าเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว
- ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ไม่ว่าเราจะเก่ง จะฉลาด อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือคุณธรรม ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดอะไรออกไปแล้วต้องทำให้ได้ เพราะสิ่งนี้จะทำให้เราเติบโตอย่างยั่งยืน
- ทำหน้าที่ตัวเองให้ดี ไม่ว่าเราจะอยู่ในอาชีพไหนก็ตาม เราต้องเคารพอาชีพของตัวเอง ทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ถ้าเราเป็นนักขาย เราก็ต้องคิดว่าเราจะหาสิ่งที่ดีที่สุดไปขายให้กับลูกค้าได้อย่างไร นี่คือหน้าที่ของเรา
- เชื่อและศรัทธาในตัวเอง ถ้าหากเรายังไม่แน่ใจ หรือยังไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เวลาไปพูดกับใคร ก็ยากที่คนอื่นจะเชื่อเรา ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเองให้ได้ก่อน แต่ถ้าหากยังมีอะไรที่ไม่มั่นใจ วิธีแก้ไขก็คือเราจะต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะความรู้จะช่วยคลายความกังวลใจออกไป แล้วเหลือไว้แต่มั่นใจ
- ให้กำลังใจตัวเอง เวลาที่เราเป็นทุกข์ในชีวิต กำลังใจที่ดีที่สุดควรเริ่มจากตัวเอง อย่ามัวรอว่าจะต้องได้รับกำลังใจจากใครก่อนถึงจะมีความสุข เพราะสิ่งนั้นเป็นการฝากความสุขไว้กับคนอื่น แล้วเราจะไม่มีพลังในการทำอะไรต่อไปได้เลย
- คิดเองให้ได้ อย่ามัวรอว่าจะมีใครมาคิดแทนเรา หรือมาให้คำแนะนำเรา เพราะมันจะไร้ความหมายถ้าเรายังคิดไม่ได้ด้วยตัวเอง ชีวิตเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเรายังคิดเองไม่เป็น
- วินัยทางการเงิน ไม่ว่าคุณจะมีวินัยหรือขาดวินัยอย่างไรก็ตามแต่ สิ่งหนึ่งที่คุณจะขาดวินัยไม่ได้ ก็คือวินัยการเงิน เพราะเรื่องการเงินนั้น “หาได้…ไม่สำคัญเท่าเก็บได้” ต่อให้มีเงินเดือนหลักแสนหลักล้าน หรือความรู้สูงแค่ไหน แต่ถ้าขาดวินัยทางการเงินก็ไปไม่รอด
- ทำสิ่งควรจะทำ…ก่อนสิ่งที่อยากจะทำ สิ่งที่ควรจะทำคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เราจะต้องทำสิ่งนั้นก่อน แต่สิ่งที่อยากจะทำคือสิ่งที่เราทำตามใจกิเลส บางครั้งเป็นเรื่องที่ยังไม่จำเป็น หรือยังรอได้ เราก็ควรจะต้องรอ เพราะถ้าเราทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ชีวิตเราจะดีขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้น ถ้าเราอยากจะทำอะไรก็ตาม เราจะทำได้ทั้งหมดเลย
และนี่ก็คือ ถอดรหัสความสำเร็จ จากชีวิตติดลบ สู่ธุรกิจร้อยล้าน ทำได้ยังไง ซึ่งผมเชื่อได้ว่าเรื่องราวแง่มุมชีวิต ตลอดจนวิธีคิด หรือวิธีการดำเนินธุรกิจของคุณน้ำตาล จะเป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเองของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นตัวอย่างที่แสดงให้พวกเราเห็นว่า การจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจนั้น อาจไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะคนที่มีความพร้อมทางฐานะการเงินเสมอไป แต่ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้สำหรับทุกคน ถ้าหากเรามีความคิด และมีวิจารณญาณในการใช้ชีวิตที่ดีพอ