พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
หลายคนมีความฝันว่าอยากจะเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ บางคนอาจจะอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่บางคนก็อาจจะทำมาแล้วหลายปี และยังคงคาดหวังว่าในสักวัน การเป็นผู้ประกอบการของเราจะดีกว่าเดิม ซึ่งตัวผมเองก็มีโอกาสได้พบกับผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีความคาดหวังเช่นนี้ ทว่ากลับไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ ดังนั้น เมื่อยังทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็จะยังคงเป็นเหมือนเดิมแน่นอน
แต่ถ้าหากใครอยากที่จะเป็นผู้ประกอบการที่ดีขึ้น ผมอยากจะให้เราลองมาพิจารณาดูสิว่า สิ่งที่ผมจะเอามาแบ่งปันต่อไปนี้ เราได้เคยทำมันแล้วหรือยัง
1. Challenge yourself
ฝึกให้ตัวเองพร้อมที่จะทำงานที่ท้าทายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะไม่กลัวงานยาก หรืองานที่ท้าทาย อย่างเช่น เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา คือการท้าทายตัวเองให้ทำงานยาก ๆ ในทุก ๆ วัน และเขาก็เป็นคนที่ชอบความเปลี่ยนแปลงด้วย
หลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง เวลาทำธุรกิจอยากจะให้มันนิ่ง ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก แต่วันนี้ผมก็ต้องบอกตามตรงว่า เราควรจะทำความคุ้นชินในความเปลี่ยนแปลงให้ได้ เพราะโลกวันนี้หมุนไปในความเปลี่ยนแปลงเสมอ เป็นยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รุนแรง และซับซ้อน ให้เราคิดเสมอว่าโลกนี้คือมหาวิทยาลัยที่เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น ถ้าเรารับความเปลี่ยนแปลง และอยู่ร่วมกันมันได้ เราก็จะเป็นผู้ประกอบการที่ดีขึ้นได้
2. Do what you care
หลายคนจะรู้สึกภาคภูมิใจ เมื่อบอกกับใคร ๆ ว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ซึ่งการทำงานที่เรารักเหมือนเป็นค่านิยม และความภูมิใจของคนในยุคนี้ก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นตาม ในอีกแง่หนึ่งก็ยังมีบางคนที่ประสบความสำเร็จด้วยการทำในสิ่งที่ใส่ใจ เช่น อาจจะต้องรับกิจการของครอบครัวมาบริหารต่อ แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่ก็ตั้งใจทำมันอย่างดี เพราะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงดูพนักงาน จึงไม่สนใจว่าจะเป็นสิ่งที่ตนเองรัก ตนเองปรารถนาหรือไม่ แค่ทำมันเพราะความหัวใจ แต่ก็สามารถทำแล้วประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
3. Take the calculated risk
การทำธุรกิจกับความเสี่ยงเป็นของคู่กัน ดังนั้น เราต้องถามตัวเองว่าการที่เราจะเป็นผู้ประกอบการ เราพร้อมที่จะรับความเสี่ยงได้หรือเปล่า ในบางจังหวะเราจะต้องขยายธุรกิจ จะต้องเปลี่ยนไปขายในช่องทางใหม่ ๆ ต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม เราพร้อมที่จะเสี่ยงหรือเปล่า
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้ประกอบการที่ดีจะต้องกล้าเสียงบนพื้นฐานของการคิดคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้ว ว่าผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าเราจะเป็นผู้ประกอบการที่ดี เราจะไม่เผชิญความเสี่ยงแบบวัดดวง หรือเอาใจเข้าแลกอย่างเดียว
4. Believe in yourself
เฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณสามารถทำได้ หรือคุณทำไม่ได้ คุณก็ถูกเสมอ” หมายความว่า เราจะได้เป็นในสิ่งที่เราเชื่อ เพราะถ้าหากเราคิดว่าเราทำไม่ได้ มันก็จะนำไปสู่การที่เราก็จะไม่อะไรเลย แต่ถ้าหากเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะเริ่มทำมัน ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำจะยังไม่สำเร็จในวันนี้ แต่เราก็ได้รู้เป้าหมายแล้ว และเราก็ยังคงทำมันต่อไป จนกระทั้งวันหนึ่งเราทำได้ในที่สุด
ผมเองได้สอน และให้คำปรึกษาด้านธุรกิจกับผู้ประกอบการมากมาย หลายครั้งผมสัมผัสได้ว่าผู้ประกอบการบางคนไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำ หรือไม่ได้เชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำได้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นพลังงานที่ถูกส่งออกมาจาก แววตา คำพูด ท่าทาง และการกระทำ ซึ่งก็ผมแค่อยากจะบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไร จะเชื่อในตัวเองหรือไม่ สุดท้ายคุณจะถูกเสมอ”
ดังนั้น จงเลือกเองว่าคุณจะเชื่ออย่างไร…
5. Have vision
วันนี้ทุกคนเข้าใจดีแน่นอนว่าการทำธุรกิจ เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวานและมีปัญหาให้ต้องแก้เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ทั้งปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่จะต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น ซึ่งถามเรามองปัญหาในจุดเดิม เราก็อาจจะไม่ได้เห็นอะไรที่แตกต่าง เพราะมุมมองมีอยู่อย่างจำกัด เหมือนกับการที่เราขับรถอยู่บนถนนแล้วรถติดยาวเหยียด เพราะอาจจะไม่รู้เลยว่า ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ทำไมรถถึงติดไปต่อไม่ได้
แต่ถ้าหากเราเปลี่ยนมุมมองใหม่ คือขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์แล้วมองลงมา เราก็จะมองเห็นได้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น และรู้ว่าต้นเหตุของรถติดเกิดจากอะไร แล้วเราจะหลบไปใช้เส้นทางไหน จะได้รถไปติด และเดินทางไปต่อได้
การขึ้นไปมองบนที่สูงแบบนี้ คือสิ่งที่เรียกว่า “วิสัยทัศน์” ผู้นำจะต้องเป็นคนที่มองเห็นกว้าง และไกล เห็นในภาพรวมของปัจจุบัน และเห็นแนวโน้มว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
6. Have good friends
การมีเพื่อนที่ดีจะทำให้เราเป็นผู้ประกอบการที่ดียิ่งขึ้น เพราะเพื่อนที่ดีหมายถึง เพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับเรา มีทัศนคติที่ดี คอยผลักดันและขัดเกลาเราให้เพราะสบความสำเร็จได้ หลายคนทำธุรกิจแล้วไม่คบหาสมาคมกับใคร เพราะคิดว่าทำงานหนักแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจ เพราะเวลาเจอปัญหาไม่สามารถที่จะขอคำแนะนำจากใครได้เลย
ดังนั้น วันนี้การเป็นผู้ประกอบการที่ดี จะต้องแวดล้อมไปด้วยเพื่อนที่ดี ลองดูว่าตอนนี้รอบตัวเรามีใครเป็นเพื่อนที่ดีของเราบ้าง ใครที่สามารถชี้แนะและให้คำปรึกษาเราได้บ้าง สิ่งเหล่านี้ คือปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองและกลายเป็นผู้ประกอบการที่ดียิ่งขึ้นได้
7. Face your fear
มีหลาย ๆ เรื่องที่ความกลัว กลายมาเป็นสิ่งปิดกั้นศักยภาพที่แท้จริงของเรา ทำให้เราไม่ได้สามารถพัฒนาไปเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เรื่องกลายพูดภาษาอังกฤษ หลาย ๆ คนมีปัญหาเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งก็อาจจะอ้างว่าเพราะครูสอนไม่ดี สอนไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าหากได้ค้นลงไปลึก ๆ แล้ว รากเหง้าของปัญหานี้อีกอย่างหนึ่งก็คือความกลัวที่จะพูดนั้นเอง เพราะกลัวว่าพูดแล้วมันจะผิด กลัวว่าคนจะมองไม่ดี เป็นต้น
ซึ่งการเป็นผู้ประกอบการก็เช่นเดียวกัน ความกลัวหรือเป็นปัญหาสำคัญที่จะปิดบังศักยภาพที่แท้จริงของเรา ถ้าหากเราสามารถเผชิญหน้ากับความกลัวด้วยความกล้าหาญ ศักยภาพของเราก็จะถูกเปิดออก แล้วเราจะกลายเป็นผู้ประกอบการที่ดีขึ้น
8. Keep taking action
ผมเคยไปเรียนสัมมนาหลักสูตรหนึ่งที่มาเลเซีย ในหลักสูตรนั้นจะมีกิจกรรมที่เราจะต้องทำ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ท้าทายความกลัวมาก ๆ ในรุ่นนั้นเรียกได้ว่าเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนหลายคนเป็นลมพับลงไปต่อหน้าเป็นสิบ ๆ คน อย่างกิจกรรมหนึ่งที่ทุกคนจะต้องทำก็คือ เราจะเดินข้ามต้นไม้ไปให้ได้ ซึ่งถ้าหากเดินพลาดก็จะตกลงไปข้างล่าง (มีสลิงที่จะดึงเราเอาไว้ ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ) แต่ที่พีคไปกว่านั้นก็คือ จะเป็นการเดินแบบปิดตาโดยสิ่งที่เราทำได้คือใช้มือคลำทางไป แถมเรายังต้องเดินนำเพื่อนอีกคนหนึ่งด้วย ซึ่งเขาก็ปิดตาเหมือนกัน
แต่ช่วงเวลาที่บีบหัวใจที่สุดคือช่วงที่รอคิว เพราะคนรอบข้างเราเริ่มเป็นลม เราก็เริ่มเครียดเริ่มกลัว ผมก็เลยตัดสินใจว่าถ้ายังรอต่อไป สุดท้ายเราจะสะสมความกลัวไปเรื่อย ๆ สู้ลุยไปทำอย่างรวดเร็วเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาแบกรับความกลัวเอาไว้นาน ๆ ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการฝึกให้เรารู้จักที่จะเผชิญหน้ากับความกลัว และทำให้เรากล้าที่จะทำสิ่งต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
การทำธุรกิจก็เช่นกัน หลายคนรีรอว่าจะทำธุรกิจ แต่ก็ไม่เริ่มสักที เพราะรอจังหวะ รอโอกาส รอเวลา รอความพร้อม จนสุดท้ายก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะทำในที่สุด ดังนั้น ถ้าเราอยากจะหลุดวนจากวังวนตรงนี้ เราจะต้องกระโจนลงไปทำทันที อย่าคิดเยอะ เพราะสิ่งที่เราคิด กับสิ่งที่เราเจอจริง ๆ อาจจะเป็นคนละแบบก็ได้
9. Manage energy, not time
หลายคนมุ่งเน้นเรื่องการบริหารเวลา แต่ไม่เคยคิดถึงการบริหารพลังงาน ในหลาย ๆ ครั้ง เราตื่นมาในตอนเช้า และมาทำงานด้วยความเครียด เราบริหารเวลาได้อย่างดีเยี่ยมพร้อมไม่ได้มาทำงานสาย แต่ตลอดทั้งวันเราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่มีอารมณ์จะทำงาน หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเรามาทำงานพร้อมกับพลังงานที่เต็มเปี่ยม และมีความกระตือรือร้นอยู่เต็มหัวใจ แม้ว่าเรื่องเวลาอาจจะยืดหยุ่นไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานกลับดีกว่าเดิม เพราะคนเราขับเคลื่อนการงานด้วยพลังจากภายใน
ดังนั้น ถ้าเราเป็นผู้ประกอบการ เป็นผู้บริหาร เป็นคนสำคัญของบริษัท ถ้าเราไปถึงที่ทำงานพร้อมกับพลังงานลบ แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่ในองค์กรก็จะสัมผัสได้ และพลังงานจะดาวน์ลงทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการที่ดีจะต้องมีความมั่นคงในอารมณ์ ไม่คุ้มดีคุ้มร้าย และจะต้องปลดปล่อยพลังงานดี ๆ ให้กับคนรอบข้างเสมอ
และทั้งหมดนี้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีขึ้น ตอนที่ 1 ซึ่งเป็นเรื่องที่เราทุกคนสามารถที่จะนำเอาไปปฏิบัติได้ และทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างแน่นอน รวมถึงเนื้อหาสาระต่าง ๆ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ สามารถติดตามได้ใน ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีขึ้น ตอนที่ 2