พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่าน มีคนหลาย ๆ คนที่สนใจในเรื่องของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศ เพื่อที่จะทำให้สามารถเข้าถึงโอกาสที่ดีกว่า ตามแบบที่ตนเองต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าการย้ายไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมตัว และการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นต้น เพื่อให้การดำรงชีวิตของเราในวันข้างหน้า(ถ้าจะไปจริง ๆ) เป็นไปอย่างราบรื้น และไม่ต้องเผชิญชีวิตที่มีความยากลำบากจนเกินไปนัก
วันนี้ผมเลยจะสรุป Framework หรือแนวทางในการค้นหาประเทศที่เหมาะกับคุณ และวิธีการไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างแดง ที่จะช่วยให้การเดินทางครั้งนี้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้
รู้จักเป้าหมาย
ก่อนที่เราจะทำอะไรก็ตาม เราจะต้องมีเป้าหมายเสียก่อน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิต ถ้าหากเราไม่มีการวางเป้าหมายเอาไว้ การเป็นการยากที่จะวางแผนได้ว่าต้อง ดำเนินชีวิตต่อไปในทิศทางใด
ดังนั้น อันดับแรกเราต้องตั้งเป้าหมายก่อน ว่าการที่จะไปออยู่ต่างประเทศนั้น เราอยาก “อยู่” แบบไหน ซึ่งการอยู่แบบไหน ก็จะขึ้นอยู่กับทักษะที่เรานำติดตัวไปใช้ในการหาเงินในประเทศนั้น ๆ นั้นเอง
ผมก็เลยแยกออกมาเป็นทักษะ 4 ระดับ ซึ่งคนอยากย้ายไปอยู่เมืองนอกต้องทบทวนและพิจารณาตัวเอง ดังนี้
1. อยู่รอด
เป็นทักษะที่เรามีติดตัวไปแล้ว ทำให้พออยู่รอดได้ในประเทศใหม่ ซึ่งก็อาจจะเป็นการไปทำงานพื้นฐาน ที่ได้แรงงานขั้นต่ำ เรื่องภาษาก็ไม่ได้ดีมาก ทักษะก็เป็นทักษะพื้นฐานที่ไม่ได้ต้องใช้ความสามารถมากนัก หรือเรียนรู้ไม่นานนักก็สามารถทำได้เลย
โดยแรงงานในกลุ่มนี้มักจะเป็นคนที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ และถูกจัดเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ ซึ่งถ้าหากบริหารเงินไม่ดี ก็ไม่รอดเหมือนกัน
2. อยู่ได้
เป็นทักษะในระดับที่ ถ้าเรามีติดต่อไปต่างประเทศแล้วจะพออยู่ได้ คือมีความสุขตามอัตภาพ ไม่เดือดร้อน ไม่ลำบากมากนัก เพราะเป็นแรงงานที่พอจะมีทักษะพิเศษบางอย่าง ซึ่งเป็นที่ต้องการของประเทศนั้น ๆ ซึ่งถ้าหากยังมีแรงอยู่ก็ยังสามารถหาเงินได้ และควรจะตั้งหลักได้ภายใน 3 – 5 ปี รวมถึงจะต้องมีการบริหารรายรับรายจ่ายให้ดี เพราะแรงงานในระดับนี้ จะเริ่มมีรายได้ที่น่าพอใจ ซึ่งบางคนก็อาจจะลืมตัว ใช้จ่ายเงินโดยไม่ได้มีการควบคุม คือ เงินเข้ามาเยอะ ก็จ่ายออกไปเยอะ ดังนั้น แรงงานในระดับนี้ ควรที่จะต้องมีการเก็บเงินอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
3. อยู่ดี
สำหรับคนที่มีทักษะในระดับนี้ คือเป็นคนที่จะมีความมั่งคั่ง เหลือเฟือ และสามารถเอื้อเฟื้อให้คนรอบข้างได้แล้ว ดูแลครอบครัว เพื่อน ทีมงานได้ เพราะเป็นคนในระดับที่มีธุรกิจของตัวเอง มีทักษะความสามารถที่ไม่ต้องใช้แรงในการหาเงิน ถือเป็นคนที่มีความสุข มีเวลา และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งถ้าหากคนที่ไปบุกเบิกชีวิตใหม่ในต่างแดน อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 5-10 ปีในการที่จะพัฒนาตัวเองมาถึงขั้นนี้ได้
ซึ่งคนในระดับนี้ คนท้องถิ่นจะยอมรับแล้ว และมองว่าเราเป็นคนที่มาทำประโยชน์ให้กับประเทศนี้จริง มีการจ่ายภาษีและคืนสิ่งดี ๆ ที่ตัวเองมีให้กับสังคม เริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแล้ว
4. อยู่โดดเด่น
สำหรับคนในกลุ่มสุดท้าย ถือเป็นกลุ่มที่มีทักษะในระดับที่เหนือกว่าทุกกลุ่มที่ผ่านมา คือเป็นคนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ โดยสามารถไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้เลยทันที มีเงินทุน มี Connection กับบุคคลหรือธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศนั้น ๆ ซึ่งโดยรวม ก็คือเป็นคนที่มีคุณสมบัติ พร้อมในการเริ่มต้นทำธุรกิจทันทีที่ไปถึงต่างประเทศ ซึ่งเป็นการไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างบ้านต่างเมือง โดยอยู่อย่างโดดเด่น
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ ทักษะของคน 4 ระดับ ที่เมื่อย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ก็จะมีคุณภาพความเป็นอยู่ และการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าเราจะไปอยู่เมืองนอก เราลองจินตนาการดู หรือลองตั้งเป้าหมายก่อนว่าเราจะไปอยู่แบบไหน
เมื่อคุณกำหนดระดับชีวิตที่คุณอยากอยู่ไปได้แล้ว ซึ่งอย่างน้อย ๆ ผมอยากให้คุณกำหนดระดับคุณภาพชีวิตเอาไว้ในระดับที่ 3 คือ อยู่ดี ไม่ต้องลำบากลำบน มีเพื่อน มีครอบครัว มีความสุข เพราะถ้าเลือกที่จะสร้างชีวิตใหม่แล้ว เราควรที่จะทำให้ชีวิตมันดีขึ้นจริง ๆ จะเป็นสิ่งที่คุมค่ามากกว่า เพราะแน่นอนว่าการไปของเราจะต้องทิ้งสิ่งต่าง ๆ ไว้ข้างหลังมากมาย ทั้งเพื่อน ทั้งญาติพี่น้อง ทั้งความคุ้นเคยต่าง ๆ ถ้าไปแล้ว เราควรที่จะได้สิ่งที่ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน…
เมื่อคุณกำหนดระดับชีวิตได้แล้ว ต่อไปก็ให้คุณตั้งเป้าหมายว่าอีก 3 ปี ถ้าจะไปมีชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพราะการเตรียมพร้อมที่ดี จะทำให้เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ง่ายข้น เพียงแค่ปรับตัวเล็กน้อย เราก็สามารถอยู่ได้แล้ว
ดังนั้น พื้นฐานก่อนอื่นใด เราจะต้องพูดภาษาเขาให้ได้ก่อน เราไปอยู่ประเทศไหนก็ควรจะพูดภาษานั้นได้ และควรจะไปสอบให้ผ่านมาตรฐานด้านภาษาที่ประเทศนั้นกำหนด หลังจากได้เรื่องภาษาแล้ว ในอันดับต่อไป สิ่งที่เราจะต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่อยู่เมืองไทยก็คือ
3 ปี แห่งการเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง
1. มองหาสิ่งที่ชอบ หรือเป้าหมายที่อยากบรรลุ
ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเราต้องรู้ว่าเราจะไปต่างประเทศด้วยเป้าหมายอย่างไร บางคนอาจจะอยากไปเพื่อเปิดหู เปิดตา อยากไปท่องเที่ยวรอบโลก อยากไปแล้วส่งเงินกลับมาบ้าน อยากไปเพื่อเรียนต่อ อะไรต่าง ๆ เราจะต้องรู้จักเป้าหมายของตัวเองให้ชัด
ผมขอยกตัวอย่าง เมื่อสัก 5 ปีก่อน มีกระแสความนิยมในเรื่อง Digital Nomad ซึ่งหมายถึงการที่เราออกไปทำงาน ณ จุดใดก็ได้บนโลกใบนี้ บางคนตอนเช้าไปนั่งทำงานอยู่ริมชายหาด ตอนบ่ายไปนั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟ ตอนเย็นไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน ซึ่งวิธีชีวิตแบบนี้ถือเป็นรูปแบบการทำงานที่หลายคนตั้งเป้าหมายเอาไว้ ซึ่งผมเองก็เคยไปใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ที่บาหลีในระยะหนึ่งเหมือนกัน เรียกได้ว่าอิสระและมีความสุขมาก
ดังนั้น ถ้าเรารู้เป้าหมายของเราแล้วตั้งแต่อยู่เมืองไทย เราจะต้องวางระบบธุรกิจของเราให้ออกมาในแนวทางนี้ไว้เลย หรือถ้าคุณอยากจะทำร้านอาหาร คุณก็จะต้องปูพื้นฐานของตัวเองเอาไว้ตั้งแต่วันนี้ เรียนรู้การบริหารงานร้านอาหารทั้งหมด เพราะเมื่อคุณย้ายไปต่างประเทศ คุณก็จะมีความพร้อมที่จะทำมันเลยทันที ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้อีก
2. มอบตัวให้กับความลำบาก
มีคติประจำใจอยู่อย่างหนึ่งที่เราจะต้องยึดถือเลย สำหรับคนที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างแดน นั้นก็คือ “ถ้าวันนี้ใช้ชีวิตสบาย วันข้างหน้าชีวิตจะลำบาก แต่ถ้าวันนี้ใช้ชีวิตลำบาก ในวันข้างหน้าจะมีชีวิตที่สุขสบาย” เราจะต้องมองความลำบากให้เป็นมุมบวก มีความอึดอดทน กว่าเราจะเป็นช่างไม้ ที่รับงานในต่างประเทศได้ เราต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านความยาก ผ่านอุปสรรคมากมาย ถ้าเรามอบตัวให้กับการฝึกฝนอันยากลำบากสัก 1 หมื่นชั่วโมงได้ ในวันข้างหน้า ถ้าไปอยู่เมืองนอก เราจะสบาย บางประเทศแค่เปลี่ยนประตูบานหนึ่ง ค่าจากเกือบแสน เรียกว่ารายได้ดีมากสำหรับงานช่าง
3. บากหน้าไปหาอาจารย์
วิธีการเรียนรู้ที่เร็วที่สุด คือการหาต้นแบบ หรือเรียนรู้จากคนที่สำเร็จ เราจะทำให้เราพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งความรู้จากอินเตอร์เน็ตอาจจะยังไม่พอ เพราะมีทั้งคนที่รู้จริงและรู้ไม่จริง แต่เราก็ต้องหา…เพราะถ้าเรามีโอกาสได้เจอกับคนที่รู้จริง เกี่ยวกับการย้ายประเทศและไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบมีคุณภาพ เราก็ควรที่จะไปเรียนรู้จากเขา ไปทำความรู้จักกับเขาเอาไว้ เพื่อสอบถาม หรือขอคำแนะนำต่าง ๆ รวมถึงถ้าหากถึงเวลาที่เราต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศนั้นจริง ๆ คน ๆ นี้ก็อาจจะเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเราก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแนะนำที่พัก ที่ทำงานให้ รวมถึงพาเราเข้าสังคมใหม่ ๆ ในดินแดนนั้น ซึ่งจะทำให้เราปรับตัวได้เร็วขึ้น
4. ผ่านด่านการฝึกฝน
ต้องตั้งมาตรฐานใหม่ให้กับชีวิต ถ้าตอนนี้หาเงินได้ 10,000 เราต้องฝึกที่จะหาเงินให้ได้ 100,000 เพราะถ้าอยู่ไทยเรามีความสามารถระดับนี้ พอไปต่างประเทศเราก็จะทำไม่ยาก อย่าพูดว่า “ไปแล้วก็จะทำได้เอง” อันนี้เป็นการฝากชีวิตไว้กับความไม่แน่นอนในอนาคต
ผมมีเพื่อนบางคนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ บอกได้เลยว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ราบรื่นมาก เพราะเขามีคุณสมบัติที่คู่ควรมาตั้งแต่ตอนอยู่ประเทศไทยแล้ว เขาฝึกฝนตัวเอง ฝึกทักษะความสามารถ และสร้างรายได้ที่ดี มาตั้งแต่อยู่ประเทศไทย พอไปอยู่ต่างประเทศ คุณสมบัติที่ฝึกฝนเหล่านี้ก็จะสามารถนำไปใช้ได้ในต่างประเทศทันที โดยสร้างงาน สร้างเงิน สร้างอาชีพ ตามคุณภาพของทักษะและความสามารถที่เขามี
5. อดทนกับสิ่งเย้ายวนใจ
พอเราไปถึงเมืองนอก เราต้องเตรียมใจไว้เลยว่าเราจะเจอความตื่นเต้น บรรยากาศต่าง ๆ แปลกใหม่ และมีสิ่งเย้ายวนใจมากมาย เราจะอยากไปเที่ยว อยากซื้อของ พอเราเริ่มมีรายได้เราก็จะทำในสิ่งที่เราอยากทำ ดังนั้น เราจะต้องมีวินัยในการเก็บเงิน ไม่เที่ยวจนเสียงาน และไม่ใช้เงินปรนเปรอตัวเองให้สุขสบายเร็วเกินไป ควรที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างพอประมาณ อาหารการกิน ที่พัก เสื้อผ้าต่าง ๆ เอาแค่พอประมาณ เพราะไม่เช่นนั้น เราจะมีปัญหาเรื่องการเงินได้
รวมถึง ถ้าหากตอนนี้ ยังอยู่ในเมืองไทย ในระหว่างเตรียมความพร้อม 3 ปี เราเริ่มฝึกเก็บเงินได้เลย เพราะในการไปอยู่ต่างประเทศ ก็ควรจะมีเงินสำรองเอาไว้ เพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยก็ควรจะมีสัก 5 แสน หรือ 1 ล้าน ซึ่งถ้าเรามีทุนไป การเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ไม่ลำบากมากนัก
6. ใส่ใจกับสิ่งที่ทำได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับในข้อนี้คือการที่เราให้ความสำคัญกับการเข้าใจตัวเอง รู้ตัวตนของเรา ว่าเราทำอะไรได้ดี เพราะทุกคนเกิดมาด้วยต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนทำสิ่งหนึ่งได้ดี แต่บางคนทำอีกสิ่งหนึ่งได้ดี ดังนั้นความถนัดพวกนี้แหละที่จะเป็นตัวช่วยชี้ให้เราได้ว่า เราควรที่จะพัฒนาตัวเองไปแบบไหน และใช้ชีวิตในต่างแดนอย่างไร
สำหรับในข้อนี้ ผมแนะนำให้ลองทำแบบทดสอบ THE ORIGINAL IDENTITY ถอดรหัสอนาคตความสำเร็จในตัวคุณ เพื่อให้เขาใจตัวเองมากยิ่งขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็คือ ทำอย่างไรถ้าอยากเริ่มชีวิตใหม่ในต่างแดน ซึ่งถือเป็นหลักการที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถที่จะมีเป้าหมายและแผนการ ตลอดจนวิธีการฝึกฝนพัฒนาตนเอง เพื่อให้สามารถไปใช้ชีวิตใหม่ในต่างแดนได้อย่างมีคุณภาพ มีความสุข และราบรื่น โดยที่ไม่ต้องไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้า ดังนั้น ถ้าใครอยากจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างแดน คุณสามารถเริ่มเตรียมความพร้อมได้เลยทันที…ในตอนนี้เลย