พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
แผนธุรกิจถือเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจที่บางคนมองว่าสำคัญ แต่บางคนอาจจะมองว่าเป็นสิ่งไร้สาระ ซึ่งผมเองก็เคยมีโอกาสได้พบเจอกับคนที่ทำธุรกิจหลาย ๆ ประเภท ที่มีมุมมองต่อการเขียนแผนธุรกิจ แตกต่างกันไป รวมถึงผมเองก็เป็นคนที่ได้คลุกคลีอยู่ในเรื่องราวของการเขียนแผนธุรกิจ มาตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิตการทำงาน
ดังนั้น ในวันนี้ผมก็จะมาบอกเล่าเรื่องราวของแผนธุรกิจ ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร คุณค่าและความสำคัญของมันอยู่ตรงไหน รวมถึงเมื่อไหร่ที่เราควรจะทำแผนธุรกิจ หรือเมื่อไหร่ที่เรายังไม่ต้องทำแผนธุรกิจก็ได้
การเขียนแผนธุรกิจเป็นเรื่องไร้สาระมาก ถ้า!
1. ถ้าคุณเชื่อว่าการลงมือทำสำคัญกว่าการวางแผน (Action is more important)
ความเชื่อนี้ ถือเป็นเรื่องจริง ถ้าหากธุรกิจของเรายังมีขนาดเล็ก และเราเป็นผู้ควบคุมดูแลทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยที่เรามีตัวเองเป็นฟันเฟืองหลักในการทำงานหารายได้ทั้งหมด ในกรณีนี้เราไม่จำเป็นต้องมีแผนธุรกิจก็ได้ เพราะยังถือเป็นระยะที่การทำธุรกิจมีความคล่องตัวสูง
แต่ถ้าหากวันหนึ่งที่ธุรกิจของเราขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ เราจะต้องมีการทำแผนธุรกิจ เพราะเราไม่สามารถที่จะทำงานได้คนเดียวอีกแล้ว โดยเราไปสังเกตดูบริษัทที่มีความมั่นคง หรือบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ เราจะพบว่าบริษัทเหล่านี้ล้วนแต่ต้องมีแผนธุรกิจด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้น วันนี้ถ้าเราบอกว่า แผนธุรกิจยังเป็นเรื่องไร้สาระ ที่ไม่มีความจำเป็นเพราะธุรกิจของเรายังเล็กอยู่ ก็อาจจะพูดแบบนี้ได้ แต่คำว่า “ธุรกิจขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องทำแผนธุรกิจ” นั้นอาจจะถูกต้องแค่ครึ่งเดียว เพราะว่าเราไปดูธุรกิจที่เป็น Start up เราจะเห็นเลยว่า ไม่มีบริษัท Start up ไหน ที่ไประดมทุนโดยไม่มีการทำแผนธุรกิจมานำเสนอ
2. ถ้าคุณเชื่อว่าการเขียนแผนธุรกิจเป็นเรื่องเสียเวลา (Waste of time)
ถ้าใครเคยเขียนแผนธุรกิจจะทราบกันดีว่าเป็นสิ่งที่เสียเวลามาก เพราะบริษัทใหญ่ ๆ เวลาเขียนแผนธุรกิจ จะต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 2 – 3 เดือน รวมถึงการทำงานของเรา ก็จะต้องแบ่งเวลาไปรับผิดชอบภาระงานระหว่างวันด้วย ซึ่งช่วงไหนที่ต้องเขียนแผนธุรกิจ ถือเป็นช่วงเวลาที่เจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารจะเหนื่อยมาก
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าการเขียนแผนธุรกิจจะเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเวลาในช่วงแรก แต่ในระยะต่อมา ที่สมาชิกทุกคนในองค์กรต้องทำงานร่วมกัน เราจะประหยัดเวลาได้มาก เพราะการทำธุรกิจจำเป็นที่จะต้องมีทิศทาง เหมือนกับการเดินเรือ ทุกคนที่อยู่บนเรือจะต้องรู้ว่า เรือกำลังจะแล่นไปไหน และผู้รับผิดชอบเฉพาะด้านแต่ละหน้าที่ก็ต้องรู้ว่าตัวเองมีภาระรับผิดชอบอะไร ในแต่ละเส้นทาง แต่ละปี ปัจจัยแวดล้อม และทรัพยากรก็ไม่เหมือนกัน ทุกคนจะต้องมีวิธีการจัดการการเดินทางให้ไปสู่เป้าหมายอย่างไร ตรงนี้สำคัญมาก
ดังนั้น แผนการทำธุรกิจ จะเป็นเหมือนหมุดหมายที่ทุกคนจะรู้ว่าเราจะไปเจอกันตรงไหน ในแต่ละไตรมาส แต่ละฝ่ายจะต้องดำเนินงานไปอย่างไร การเงิน การตลาด การขาย ทุกคนจะต้องสอดประสานการทำงานให้เป็นทิศทางเดียวกัน
จริงอยู่ว่า การเขียนแผนธุรกิจ บางครั้งเมื่อเราทำงานเข้าจริง ๆ มันไม่สามารถที่จะเป็นไปตามแผนได้ เพราะปัจจัยใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่เหตุปัจจัยทางธุรกิจมีความผันผวนมาก จนบางคนมองว่า…ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเขียนแผนให้เสียเวลา เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้ทำตามแผนอยู่ดี
ในจุดนี้ ถือว่าเป็นการมองผิดพลาด เพราะอย่างที่บอกไป คือแผนธุรกิจเป็นเหมือนการกำหนดทิศทาง ที่เวลาเราจะเดินเรือ เราจะได้รู้ว่าจะต้องไปในทิศทางไหน แต่วิกฤตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกับเรือของเรากำลังรั่ว เราก็ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเสียก่อน เราต้องไปทำอะไรที่มันอยู่นอกแผน ไปช่วยกันวิดน้ำออก ไปช่วยกันอุดรูรั่ว เพื่อถ้าไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรือของเราก็จะล่มได้ แต่พอวิกฤติเริ่มคลี่คลายไปแล้ว คำถามต่อมาก็คือ เราจะไปต่ออย่างไร… สุดท้ายก็ต้องกลับมาดูที่แผนอยู่ดี ว่าเราจะต้องเดินทางต่อไปในทิศทางไหน หรือประเมินสถานการณ์ว่าเราจะเข้าฝั่งก่อนไหม หรือจะไปต่อให้ถึงจุดหมาย
3. ถ้าคุณเชื่อว่าการเขียนแผนมันไม่ช่วยให้ทำเงิน (Don’t make money)
ในคนที่ทำธุรกิจ มักจะมีวลีติดปากว่า “ทำงาน…ที่ทำเงิน” อันนี้ก็จริงมาก เพราะการเขียนแผนธุรกิจ จะดูเป็นสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดรายได้ขึ้นมาโดยทันที ทำใด ตลอดระยะเวลา 2 – 3 เดือนที่เขียนแผนธุรกิจ บางคนอาจจะคิดว่าเอาเวลาไปหาเงินดีกว่าไหม ไปหาลูกค้าดีกว่าไหม
แต่ถ้าหากเราไปมองกันในระยะยาว เราจะรู้ว่าการเขียนแผนธุรกิจนั้นก็เป็นงานที่ทำงานเช่นกัน แต่อาจจะไม่ใช้การหาเงินในระยะสั้น ๆ เหมือนกับสมมุติว่าเรา ถ้าเราอยากเปิดร้านขายส้มตำเป็นของตัวเอง ขายวันนี้ ได้เงินวันนี้ ทำไปเรื่อย ๆ ได้เงินไปเรื่อย ๆ กับอีกโจทย์หนึ่ง แต่ถ้าเราอยากมีแฟรนไชส์ร้านส้มตำ 100 สาขา เราจะหนีการแผนธุรกิจไปไม่พ้น แต่รายได้ที่จะกลับมาหาเรา ก็แตกต่างออกไป เป็นรายได้ก้อนใหญ่ ไม่ใช่รายได้ก้อนเล็ก
นอกจากนี้ ผมยังสังเกตได้ว่า ถ้าหากใครที่บอกว่า “จะทำงาน…ที่ทำเงินก่อน” ส่วนใหญ่ บริษัทนั้นยังไม่มีความมั่นคงทางการเงินที่ดีพอ เพราะบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีระบบการเงินที่มั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว เขาจะมองการทำธุรกิจแบบระยะยาว เพราะก้าวผ่านขั้นตอนของการหาเงินระยะสั้นแล้ว เนื่องจากวงจรรายได้มีการเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อย่างสม่ำเสมอจนอยู่ตัวแล้ว
4. เมื่อสภาวะตลาด ลูกค้ามีความต้องการซื้อ มากกว่าจำนวนของที่ขาย (Demand is more than supply)
คนจำนวนมากที่มาเรียนเขียนแผนธุรกิจกับผม มักจะมาไม่ถูกจังหวะ หมายความว่าอะไร…ก็หมายความว่า ตอนที่ยังขายดีจะไม่มาเรียน เพราะมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีความสำคัญ แต่พอการทำธุรกิจเริ่มสะดุด หยุดชะงัก คราวนี้ก็จะเริ่มมองหาแผนธุรกิจแล้ว ซึ่งผมก็บอกได้เลยว่า ถ้าหากก่อนน่านี้เรามีแผนธุรกิจที่ดีพอ ปัญหาที่เจออยู่ในปัจจุบันนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะวันนี้เราจะยังขายดีอย่างไรก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าเราจะไม่ได้ขายดีตลอดไป เพราะมันเป็นสัจธรรมของการทำธุรกิจ ถ้าเราขายดี ไม่นานก็จะมีคู่แข่งมาแย่งตลาด พอตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น การทำธุรกิจจะต้องใช้ความคิดมากกว่าความขยัน การทำงานหนักอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เพราะเราจะต้องมีกลยุทธ์ด้วย
5. ต้องการบริหารและตัดสินใจคนเดียว
คนทำธุรกิจจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จ จากการสร้างธุรกิจคนเดียว ทำคนเดียว คิดคนเดียว ตัดสินใจคนเดียว มักจะมีการหลงไปในภาวะหนึ่ง นั้นก็คือคิดว่าเราเก่งที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุดกว่าทุก ๆ คนในบริษัท ดังนั้น แผนธุรกิจไม่จำเป็น เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำแผนอะไร แต่แผนอยู่ในหัวอยู่แล้ว ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
ซึ่งก็บอกได้เลยว่า คนทำธุรกิจคนไหนตกอยู่ในภาวะนี้ แล้วไม่ยอมจะออกมา…สุดท้ายเขาจะหยุดทำงานไม่ได้ และต้องทำงานไปเรื่อย ๆ เนื่องจากบริษัทขับเคลื่อนด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว
แต่ถ้าหากเราอยากจะมีความสมดุลในชีวิต มีเวลาในการอยู่กับครอบครัว ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อยากจะทำ หรือสามารถเกษียณตัวเองได้ สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือการมีทีม ที่สามารถทำงานแทนเราได้ ซึ่งการที่ทีมจะทำงานแทนเราได้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือแผนธุรกิจ ที่เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ลูกทีมมองเห็น และเข้าใจเป้าหมาย ตลอดจนเข้าใจว่าควรตัดสินใจแทนคุณอย่างไร
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่ว่า ทำไมการเขียนแผนธุรกิจเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” ซึ่งถ้ามองตามจริง แผนธุรกิจนั้นเป็นเรื่องไร้สาระกับเฉพาะคนบางกลุ่ม แต่อีกคนบางกลุ่ม แผนธุรกิจถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจก็ว่าได้ ซึ่งถ้าหากเราอยากที่จะให้ธุรกิจเติบโต อยากให้มีทีมงานมาทำงานแทนเราได้ และอยากให้มีนักลงทุนมาร่วมลงทุนกับธุรกิจของเรา เราจะทิ้งเรื่องการเขียนแผนธุรกิจไปไม่ได้เลย
ซึ่งถ้าหากใครอยากที่จะศึกษาเรื่องการเขียนแผนธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ https://event.pay4tomorrow.com/mmp เพื่อรับความรู้ในการวางแผนธุรกิจฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณนำไปใช้ได้ทั้งธุรกิจที่มียอดขายปีละ 10 ล้าน 100 ล้าน และ 1,000 ล้านบาท โดยเครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณทำเงินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 37% เลยทีเดียว
ติดต่อทีม Wealth Dynamics Thailand
http://bit.ly/WDT-IB
Call center: 097-113-1976
Email: services@wealthdynamicsthailand
Facebook: http://bit.ly/WD-Facebook
Youtube: http://bit.ly/WD-YouTube
IG: http://bit.ly/WD-Instagram
Line@: http://bit.ly/WD-LineAt