พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
หลายคนที่พึ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ อาจจะมีความสงสัยว่า ทำไมนักลงทุนถึงยอมเอาเงินของตัวเอง ไปให้คนอื่นทำธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่บางคนก็ไม่ได้รู้จักกัน หรือเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน ซึ่งสมัยก่อนที่ผมเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่พอผมเริ่มทำ Startup ของตัวเอง ก็ได้มีโอกาสไป Pitch งานต่าง ๆ รวมถึงได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเรื่องการ Pitching ในต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้ผมสามารถเข้าใจนักลงทุนมากขึ้น ว่าเขาเอาเงินมาให้เราทำไม
เหตุผลที่นักลงทุนอยากเอาเงินมาให้บริษัทต่าง ๆ ลงทุน
1. อยากใช้เงินทำงานแทน
จะว่าไปแล้วงานของนักลงทุน ก็คือการลงทุนนั้นเอง เนื่องจากว่าการทำธุรกิจ มีอยู่มากมายหลายรูปแบบ นักธุรกิจบางคนอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องของเวลา เพราะเมื่อเราทำธุรกิจไปจนเต็มศักยภาพของตัวเองแล้ว เวลาอันจำกัดของเรานี่เองที่ขวางกั้นโอกาสต่าง ๆ ของเรา นักธุรกิจบางคนจึงเลือกที่จะไปลงทุนกับในธุรกิจที่พึ่งจะเริ่มต้นใหม่ เพราะตัวเองไม่มีเพียงพอเวลาที่จะไปเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อีกแล้ว รวมถึงการที่มีเงินเหลือเฟือ จึงเป็นสิ่งที่ควรจะนำไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลกำไรกับคืนมา ซึ่งบางคนเรียกว่า “ให้เงินทำงานแทน” นั้นเอง
2. เป็นการซื้อความรู้
เราจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการที่บริษัทใหญ่ ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google, Apple, Tesla ซึ่งถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลกเลยก็ว่าได้ ที่มักจะมีข่าวว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เปล่านี้ ไปซื้อบริษัทต่าง ๆ มาเป็นของตัวเอง ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็คือ การที่เขาต้องการซื้อองค์ความรู้นั้นเอง เพราะว่าการที่เราจะทำงานวิจัยขึ้นมาแต่ละเรื่องนั้น ต้องใช้เวลานาน บางเรื่องที่มันเป็นกระแส ถ้าเรามัวเสียเวลาไปทำวิจัยอยู่ กว่าจะเสร็จกระแสนั้นก็อาจจะผ่านพ้นไปแล้วก็ได้ ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือซื้อความรู้ชุดนั้นมาเลย เพื่อนำไปต่อยอดและพัฒนาต่อ แบบนี้จึงจะทันท่วงที
3. ให้ความสนใจในบางเรื่อง แต่ไม่มีเวลาทำเอง
มีนักธุรกิจบางกลุ่ม ที่การลงทุนของเขานั้น ไม่ได้มีเป้าหมายหลักเพื่อผลตอบแทน แต่เขาจะไปลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองชื่นชอบ หรือมีความสนใจ คลั่งไคล้ แต่ตัวเองไม่มีเวลาที่จะทำเรื่องนี้เสียแล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการหล่อเลี่ยงความชอบส่วนตัว เขาก็จะไปเลือกลงทุนในเรื่องที่ตัวเองชอบ หรือสนใจ
4. ต้องการขยายธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม
เราจะเห็นได้ว่า ถ้าบริษัทไหนมีความมั่นคง มีเงินเหลือเยอะ ๆ มียอดขายเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน บริษัทเหล่านั้น จะต้องขยายธุรกิจต่อไป เพื่อรักษาสมดุลขององค์กร ลดความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรมหลักของตัวเอง เพราะการขยายธุรกิจข้ามอุตสาหกรรมนั้น ถ้าหากมีบางจังหวะที่อุตสาหกรรมหลักเกิดปัญหา หรือเป็นขาลง เขาก็จะยังมีอุตสาหกรรมอื่นรองรับอยู่ นี้คือความมั่นคงของการขยายธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม
5. ต้องการประหยัดเวลาในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
บริษัทที่ไปลงทุนตามที่ต่าง ๆ นั้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การประหยัดเวลาในการสร้างนวัตกรรม เช่น การที่รถ BMW Z4 ซึ่งไม่ได้ออกรุ่นใหม่มาตั้งแต่ปี 2015 ก็ได้ประกาศออกแล้วว่าจะมีการสร้างรถรุ่นใหม่ร่วมกับ Toyota ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน และถือว่าได้ประโยชน์ทั้งคู่
6. ต้นทุนในการเริ่มต้นใหม่ใช้เงินมากกว่า
การที่เราจะเริ่มต้นใหม่ในการทำธุรกิจ หรือสร้างนวัตกรรมนั้น เราไม่ได้เสียเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การลองผิดลองถูก ความผิดพลาดล้มเหลวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ดังนั้น การที่เราลงทุนกับบริษัทที่เริ่มต้นมาระยะหนึ่งแล้ว จะเป็นการประหยัดเงินมากกว่า
7. ไม่ต้องทดสอบตลาดเอง
การทำธุรกิจนั้นมีอยู่หลายระยะ ซึ่งการทำธุรกิจในระยะแรก ๆ นั้น จำเป็นจะต้องมีการทดสอบตลาด ทดสอบไอเดียก่อนว่า ซึ่งในระยะนี้นักลงทุนบางคนอาจจะยังไม่เลือกที่จะมาลงทุน แต่เมื่อระยะเริ่มต้นผ่านไป เราได้ทดสอบตลาดแล้วว่าธุรกิจของเราไปได้ หรือเทคโนโลยีที่มี ระบบที่ใช้ไปต่อได้ ก็จะเริ่มมีนักธุรกิจเข้ามาลงทุนกับเรา เพราะว่าถือว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ผ่านการทดสอบตลาดแล้ว เขาไม่ต้องเสียเวลามาทดสอบตลาดเอง
8. สนใจทีมงาม
นักลงทุนบางคน เลือกลงทุนในธุรกิจบางอย่าง เพราะสนใจในทีมงาน เพราะเรื่องทีมงานหรือทรัพยากรบุคคล ถือเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าหากมันมีความพิเศษจริง ๆ พวกเขาก็เลือกที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม เหมือนกับการที่ King Power ตัดสินใจซื้อสโมสร Leicester City เนื่องจากมองเห็นความน่าสนใจของทีม ซึ่งถ้าจะสร้างขึ้นมาใหม่นั้นเป็นเรื่องยากมาก และสุดท้ายทีมฟุตบอล Leicester City ก็ประสบความสำเร็จ
9. ไม่สามารถที่จะจ้างพนักงานมาทำแทนได้
ข้อนี้ก็คล้าย ๆ กับข้อที่ 8 คือ อยากจะทำธุรกิจนี้ แต่ไม่สามารถที่จะหาพนักงานมาทำงานให้ตัวเองได้ อาจจะเป็นธุรกิจที่หาคนมาทำได้ยาก หรืออะไรก็ตามแต่ สุดท้ายเมื่อหาคนมาทำธุรกิจนี้ไม่ได้ ก็ไปลงทุนกับคนอื่น ที่เขาทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว
10. ซื้อ Treasure Chest ที่สร้างไม่ได้
Treasure Chest หมายถึงคุณลักษณะพิเศษอันมีค่า หรือเปรียบได้กับหีบสมบัติของธุรกิจ ที่บางครั้งนักลงทุนเขาไม่มี Treasure Chest แบบนี้ แต่ตัวเรามี สุดท้ายเขาก็จะมาลงทุนกับเรา เพราะเขาเห็นคุณลักษณะพิเศษอันมีค่าของเรา ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ ผมเองก็มีหลักสูตรการฝึกอบรมเรื่องนี้ด้วย ในการที่จะช่วยให้เราค้นหา Treasure Chest ของเราเจอ
11. บริษัทกำลังมีแนวโน้มที่ดี
หมายความว่า ธุรกิจที่เราทำกำลังมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น เช่น มีลูกค้าใหม่เข้ามา 100 คนแรก เดือนต่อมาเพิ่มมาเป็น 1,000 คน เดือนต่อมาเพิ่มเป็น 10,000 คน เดือนต่อมาเพิ่มเป็น 100,000 คน อันนี้ถือเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะมาลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มที่ดี เพราะลงทุนแล้วมีอนาคต
12. มองหาลักษณะรายได้ที่แตกต่างกัน
ความมั่นคงของธุรกิจอย่างหนึ่ง ก็คือการมีรูปแบบของรายได้ที่เข้ามาค่อนข้างหลากหลาย เช่น มีทั้งรายได้แบบก้อนใหญ่ ๆ รายปี พร้อม ๆ กับมีรายได้ก่อนเล็ก ๆ เข้ามาสม่ำเสมอทุก ๆ เดือน แล้วบางครั้งก็มีรายได้พิเศษเข้ามาในวาระต่าง ๆ อีก อันนี้คือตัวอย่างของรูปแบบรายได้ที่หลากหลาย ซึ่งบางบริษัทถ้าเขาธุรกิจของเรามีรูปแบบรายได้ไม่หลากหลาย เขาก็จะไปเลือกลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจอื่น ๆ เอาไว้ เพื่อให้เกิดรูปแบบของรายได้ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
13. ขยายคอนเนคชั่น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง เพราะมีนักธุรกิจ นักลงทุนหลาย ๆ คน ที่ใช้วิธีในการไปลงทุนตามธุรกิจต่าง ๆ เอาไว้ เพื่อสร้างคอนเนคชั่น ส่วนเรื่องของผลกำไรเป็นเรื่องรอง เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะส่งเสริมเราในระยะยาวของการทำธุรกิจ ก็คือการมีคอนเนคชั่น การมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มีคุณภาพ
14. อุตสาหกรรมที่เราทำกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ถ้าเราเป็นที่เราทำธุรกิจมานาน เราจะมองเห็นช่วงเวลาว่า อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะมีช่วงขาขึ้น และขาลง เช่น ในยุคหนึ่งเรื่องอสังหาริมทรัพย์บูมมาก ใครที่อยู่ในแวดลงนี้เรียกได้ว่าผลตอบแทนสูงมาก เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ต่อมาก็เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ ที่ใครได้เข้ามาอยู่ในสายนี้ก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงมาก และยุคต่อมาอีก ก็เป็นยุคของซอฟแวร์ เทคโนโลยีจะมุ่งไปที่เรื่องของซอฟแวร์แล้ว โดยธุรกิจทำเงินจะไม่ใช่ฮาร์ตแวร์อีกต่อไป ก็จะเป็นพวกโปรแกรมต่าง ๆ หรือธุรกิจให้บริการต่าง ๆ เช่น ระบบ Cloud ระบบให้บริการสัญญาอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
ส่วนในยุคนี้ก็จะเป็นยุคของ AI ,ยุคของ Bigdata, ยุคของ Platform ที่ใครถ้าเขามาในอุตสาหกรรมนี้ ถ้าใครเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ แล้วทำได้ ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีแน่นอน ดังนั้น นักลงทุนหลายคนในยุคนี้ จึงมักที่จะไปเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่เขาดูแล้ว่ามันกำลังขาขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็คือ ทำไมนักลงทุนถึงอยากเอาเงินมาให้คุณทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นเหตุผลในการที่นักลงทุนจะเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจในบริษัทต่าง ๆ เพราะว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำธุรกิจ ดังนั้น ถ้าหากวันนี้ใครที่คิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็จะอ้างไม่ได้แล้วว่า “ไม่มีทุน” เนื่องจากว่ามีนักลงทุนมากมาย ที่พร้อมจะเอาเงินมาลงทุนให้กับธุรกิจของคุณ ถ้าหากคุณจะมีไอเดียสร้างสรรค์ และมันมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ นักลงทุนก็พร้อมที่จะลงทุนให้คุณ