พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
อย่างที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์ของโลกยุคปัจจุบันนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเป็นอย่างมาก จนมีการให้คำจำกัดความว่าเป็น VUCA World ซึ่งมีความหมายดังนี้
- V ย่อมาจาก Volatility คือความผันผวน เป็นความผกผันของสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี หรือระบบการทำงานภายในองค์กรจะมีอัตราเร่งสูงขึ้นจากอดีต วิธีคิด วิธีการวางแผนงานต่าง ๆ จะต้องปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
- U ย่อมาจาก Uncertainty คือความไม่แน่นอน ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอในภาวะปัจจุบัน เพราะวันนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หรือชัดเจน ซึ่งในจุดนี้ จะต้องแก้ไขด้วยการทำความเข้าใจ ยิ่งเรามีความเข้าใจมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแก้ปัญหาได้มากขึ้นเท่านั้น
- C ย่อมาจาก Complexity คือความซับซ้อน เพราะโลกทุกวันนี้เป็นสิ่งที่โยงใยถึงกันหมด จนทำให้เกิดความยากลำบากในการประเมินสถานการณ์ เนื่องจากมีเหตุปัจจัยมากมายที่โยงใยและมีอิทธิพลถึงกัน
- A ย่อมาจาก Ambiguity คือความคลุมเครือ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น บนพื้นฐานของโลกยุคใหม่ เพราะเราอาจแทบจะฟันธงอะไรได้ยาก ไม่เหมือนกับในอดีต ที่เราสามารถคาดเดาอนาคตได้ง่ายกว่าในปัจจุบัน
สิ่งเหล่านี้คือภาวะที่เรียกว่า VUCA World ซึ่งเราทุกคน กำลังได้ประสบพบเจอกันอยู่ ณ เวลาในปัจจุบัน ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่าน ๆ มา ไม่ว่าจะเป็นในปี 1784 คือการเกิดขึ้นของเครื่องจักรไอน้ำ หรือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง เมื่อปี 1870 ที่เกิดระบบไฟฟ้าและสายพานการผลิตแบบโรงงาน จนกระทั่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สาม ก็คือปี 1969 ที่เริ่มมีการใช้คอมพิวเตอร์ การใช้ระบบอัตโนมัติ และมีเว็บไซต์เกิดขึ้น ส่วนในครั้งล่าสุดคือในปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง เรียกว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ก็ว่าได้ เพราะมีเรื่องของ AI, Iot, Cloud ตลอดไปจนถึงการเกิดขึ้นของ Cryptocurrency และ Blockchain
ซึ่งถ้าหากเราสังเกตดู ก็จะพบว่า ระยะเวลาของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในแต่ละครั้งนั้น จะมีวงรอบที่สั้นลงเรื่อย ๆ นั้นก็หมายความว่า วิวัฒนาการแห่งยุคสมัยของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตต่อจากนี้
จึงทำให้เกิดคำถามที่สำคัญตามมาก็คือ “เราจะอยู่อย่างไร…ในโลกแห่งอนาคต” ซึ่งเป็นที่มาของการนำเสนอในวันนี้ ที่ผมจะมาถอดบทเรียนจาก CEO ระดับโลก และจากประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อเป็นแนวทางให้เราได้มองเห็นวิสัยทัศน์ของปี 2030 หรืออีกประมาณ 10 ปีข้างหน้าว่ามนุษย์ในยุคต่อไปจะต้องมีทักษะอะไรบ้าง จึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และประสบความสำเร็จในการทำงาน หรือการดำเนินธุรกิจ
9 ทักษะของผู้นำแห่งอนาคต
1. ต้องมีความสามารถเรื่องดิจิทัล
ในยุคอนาคตนั้น ทุกอย่างจะผูกพันอยู่กับความเป็นดิจิทัล และเด็กที่เกิดขึ้นมาจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นโดยอัตโนมัติ เพราะถูกหล่อหลอมให้อยู่ในสภาพสังคมแบบดิจิทัลมาตั้งแต่เกิด ซึ่งแตกต่างจากคนในยุคเก่า ที่จะต้องเรียนการใช้งานคอมพิวเตอร์ จึงจะมีทักษะนี้ รวมถึงการมีชีวิตในโลกยุคดิจิทัลนั้น ไม่ใช่แค่การใช้คอมพิวเตอร์เป็น แต่ยังรวมถึง การรู้และเท่าทันสื่อโซเชียวมีเดียต่าง ๆ คือการมีวิจารณญาณ ใช้งานเป็น ไม่ใช่แค่ใช้งานได้ นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของการทำการตลาดออนไลน์ และระบบ Automation ต่าง ๆ
2. ต้องมีความคิดเชิงนวัตกรรม
ในอนาคตเรื่องนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าใครไม่มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ สุดท้ายก็จะตกไปอยู่ในชั้นแรงงานระดับล่าง ที่ผมกล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า ในอนาคตเทคโนโลยีจะไปไกลมา เราจะมีทั้งหุ่นยนต์ มีทั้งคอมพิวเตอร์ มีทั้ง AI และระบบสายพานการผลิตที่ก้าวหน้ามาก ทักษะการในการทำงานของอนาคต มนุษย์จะไม่ได้อยู่ในบทบาทของผู้ใช้แรงงานเป็นหลักอีกแล้ว แต่เราจะต้องเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ ใช้สมอง มากกว่าใช้แรงงาน ดังนั้น ในอนาคต ถ้าใครไม่มีความสามารถด้านการคิดเชิงนวัตกรรม ถือเป็นสิ่งอันตรายมาก
3. มีความรู้ด้านการเงิน
ความรู้ด้านการเงินในที่นี้ เป็นคนละเรื่องกับความรู้ด้านบัญชี เพราะต่อไปในอนาคต งานด้านบัญชีจะมี AI มาทำงานแทนเรา หรือมีแอปพลิเคชันต่าง ๆ มาทำหน้าที่บันทึกข้อมูล และเชื่อมโยงไปที่ฐานข้อมูล Big data เสร็จแล้วเวลาที่เราจะต้องส่งตัวเลขงบการเงินให้สรรพากร แต่ในอนาคตเราจะมีระบบที่ส่งข้อมูลไปให้สรรพากรได้ทันที ในเวลาที่เราคีย์ข้อมูลเข้าระบบ ดังนั้น แน่นอนว่าแรงงานในด้านนี้จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะต่อไปคอมพิวเตอร์ หรือ AI จะเข้ามาทำงานแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความแม่นยำสูง สำหรับงานประเภทนี้
แต่ความรู้ด้านการเงิน หมายถึง เป็นองค์ความรู้ หรือความเข้าใจ ว่าเราจะมีวิธีการหาเงินอย่างไร จะใช้จ่ายแบบไหน จะเก็บออมแบบไหน หรือจะลงทุนอย่างไร กำไร – ขาดทุน ดูที่ตรงไหน เป็นต้น
4. ความเป็นผู้นำ
สำหรับเรื่องนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเก่า ที่เราพูดกันมาเป็น 50 กว่าปีแล้ว นั้นก็คือเรื่องภาวะผู้นำ แต่ผมก็ยังยืนยันว่า เรื่องนี้ยังถือว่ามีความจำเป็น ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ก็ยังคงมีความสำคัญต่อเนื่องต่อไป และความเป็นผู้นำนั้น จะต้องเชื่อมโยงไปถึงคุณสมบัติข้อที่ 5, 6, 7, ด้วย ดังนี้
5. การสื่อสาร
เรื่องการสื่อสารจะมีความสำคัญมากในโลกยุคต่อไป เพราะจะต้องสื่อสารอย่างไรให้ชัดเจนถูกต้อง และทันสถานการณ์ เนื่องจากว่ารูปแบบการสื่อสารของโลกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก การสื่อสารสมัยก่อนอาจจะเป็นการพูดคุย การเขียนจดหมาย หรืออย่างมากก็การโทรศัพท์ แต่ในโลกแห่งอนาคต เราจะมีช่องทางการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทุกคนถูกเชื่อมร้อยถึงกันหมด ความสะดวกสบายนี้ ถือว่าเป็นทั้งผลดี และผลเสีย ดังนั้น เราจะต้องใช้ทักษะด้านการสื่อสารเป็นอย่างมาก ในโลกยุคอนาคต
6. ความฉลาดทางอารมณ์
โลกในยุคอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างจะเร็วมาก จนบางครั้งคนจะอารมณ์เสีย และหงุดหงิดได้ง่าย ถ้ามีอะไรที่ตอบสนองความต้องการได้ไม่ทันใจ ดังนั้น คนคุณภาพในยุคต่อไปจะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ด้วย ไม่หัวร้อน หรืออารมณ์เสีย เพราะสุดท้ายแล้วการบริหารอารมณ์ คือปัจจัยสำคัญในการบริหารความสัมพันธ์กับผู้อื่น
7. ความเห็นอกเห็นใจ
เนื่องจากโลกในยุคอนาคต มนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเทคโนโลยี ใช้คอมพิวเตอร์ มีชีวิตอยู่บนโลกดิจิทัล ดังนั้น เรื่องของความเห็นอกเห็นใจ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การมองเห็นคุณค่าของมนุษย์จะมีความสมดุลกันด้วย รวมถึงผู้ประกอบการจะต้องบริหารอารมณ์และความรู้สึกของลูกจ้างด้วย เพื่อให้เขายังอยากจะทำงานกับเราต่อไป ซึ่งจะต้องใช้ความเข้าอกเข้าใจ การเปิดใจรับฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไม่ถูกทอดทิ้งไป เพราะไปหันเข้าหาแต่โลกดิจิทัลเพียงอย่างเดียว
8. ความอดทน
ความอดทน ในที่นี้จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงเพราะมีความรักในสิ่งที่ทำ มีเป้าหมาย และมีความต้องการอันแรงกล้าในการไปสู่เป้าหมาย โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับความสะดวกสบาย ซึ่งส่งผลให้เมื่อเจออะไรยาก ๆ ก็อาจจะเลิกล้มความตั้งใจได้ง่าย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จะต้องเอาเรื่องของความรัก เรื่องเป้าหมาย มาชดเชย ซึ่งจะช่วยให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ มีความอดทนที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จได้
9. มีความสามารถในการปรับตัวสูง
อย่างที่บอกเอาไว้แล้วในตอนตั้นว่า VUCA World คือสถานการณ์ของโลกที่เราทุกคนจะต้องพบเจอ ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี เศรษฐกิจ หรือสังคม ผู้ที่ปรับตัวได้ก็จะรอด อย่างเช่นในปัจจุบัน ถ้าเรามองเรื่องของเทคโนโลยี เราจะเห็นได้เลยว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก มีเรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าวันนี้ เราไม่ปรับตัว ไม่ศึกษา ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราก็จะอยู่รอดได้ยาก เพราะโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
และทั้งหมดนี้ก็คือ ผู้นำแห่งอนาคตจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง เพื่อเป็นการทำให้เรามองเห็นอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเราเองในวันนี้จะต้องปรับตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้กลายเป็นคนตกยุค หรือไปไม่รอดในโลกแห่งอนาคต ซึ่งไม่ว่าวันนี้คุณจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม คุณลองบวกอายุเข้าไปอีก 10 ปีได้เลย เพื่อให้คุณรู้ว่า เมื่อคุณแก่ขึ้น 10 ปี และต้องมีชีวิตอยู่ในปี 2030 คุณจะอยู่อย่างไรในตอนนั้น ซึ่งจะทำให้คุณพอจะมองออกว่า วันนี้คุณจะต้องพัฒนาตัวเองเพิ่มเติมด้านใดบ้าง ตามแนวทางที่ผมได้นำเสนอไปแล้ว