สร้างแบรนด์ให้แข็ง ต้องลงแรงเรื่องอะไร

[xyz-ips snippet="Podcast"]
พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการสร้างแบรนด์ เพราะการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จะทำให้เรามีอำนาจในการแข่งขัน ตลอดจนจะทำให้เรามีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้า ถ้าแบรนด์เราไม่แข็งพอ เวลาเราไปเจอคู่แข่งที่เขามีแบรนด์ที่ดีกว่า เราจะไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้เลย หรือเวลาเราไปขายสินค้าให้ลูกค้า ถ้าเราไม่มีแบรนด์ที่ดี เราก็ไม่สามารถกำหนดราคาได้ดีเท่าที่ควร

ดังนั้น การสร้างแบรนด์คือการลงทุนและลงแรงอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของเราเป็นอย่างยิ่ง โดยที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากเราอย่างทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืน เราจะต้องลงทุนลงแรงในการสร้างแบรนด์ ดังนี้

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/1556707/

1. Difference: ลงทุนสร้างความแตกต่าง

สิ่งแรกที่เราจะต้องให้ความสำคัญคือการลงทุนในความแตกต่าง ซึ่งความแตกต่างที่ว่านี้จะต้องต้องเกิดขึ้นมาจากคุณค่าของเรา แต่พอพูดถึงเรื่องคุณค่าบางคนอาจจะเกิดความเข้าใจผิด เช่น ถ้าเป็นธุรกิจขายอาหาร บางคนอาจจะบอกว่าคุณค่าของเราคือความอร่อย ความสดใหม่ของวัตถุดิบ ความสะอาดปลอดภัย ซึ่งจริง ๆ แล้วตรงนี้ไม่ได้เป็นคุณค่าที่แตกต่าง เพราะมันเป็นมาตรฐานของสินค้าในหมวดนี้อยู่แล้ว คือไม่ว่าใครก็ตาม ถ้ามาขายอาหารก็จะต้องทำให้อร่อย ให้สะอาดอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความแตกต่าง

ดังนั้น ถ้าเราจะมาลงทุนกับคุณค่าที่แตกต่าง สิ่งที่เราจะต้องให้ความสนใจ ได้แก่

  • Innovation – จะต้องมีความแตกต่างเรื่องของนวัตกรรม คือเรามีอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ ซึ่งคนอื่นไม่มีหรือเปล่า เช่น เทคโนโลยีใหม่ สารสกัดใหม่ หรืออะไรก็ตามที่เป็นนวัตกรรมที่แตกต่างและก้าวล้ำหน้าคนอื่น
  • Identity – ถ้าไม่มีนวัตกรรมเราจะต้องมีตัวตนที่ชัดเจน บางธุรกิจถ้ามันไม่เอื้อในการสร้างนวัตกรรม เราก็ต้องมาลงทุนในเรื่องของการสร้างตัวตนที่ชัดเจน เพราะบางครั้งในตลาดมีคู่แข่งหลายเจ้า ลูกค้าก็จะเลือกซื้อกับเพราะชอบตัวตนของแบรนด์
  • Impossible to copy – เราจะต้องมีในสิ่งที่คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก เพราะคนทำธุรกิจทุกคนย่อมอยากมีคุณค่าในสายตาลุกค้า ดังนั้น ถ้าเรามีอะไรเป็นสิ่งดี ๆ และตอบโจทย์ลูกค้า แน่นอนว่าคนอื่นก็ต้องอยากทำตาม ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เราจะต้องทำหรือจะลงทุน ควรจะต้องเป็นสิ่งที่ใครจะมาเลียนแบบได้ยากด้วย
เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/3812743/

2. Feeling: อยากให้ลูกค้ารู้สึกอย่างไร

เราจะต้องทำในสิ่งที่อยากจะให้ลูกค้ารู้สึก…โดยเริ่มจากการอ่านให้ออกก่อนว่า แบรนด์ของเราควรจะให้ลูกค้าที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์ด้วย ได้รับความรู้สึกอะไรกลับไป ซึ่งความรู้สึกแบบต่าง ๆ ก็มีดังนี้

  • Excitement – ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับเรา เป็นความอึ้ง ทึ้ง ตื่นตาตื่นใจ เป็นต้น
  • Fun – ลูกค้ารู้สึกสนุกสนานกับลูกค้า ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่มีความบันเทิง เริงใจ
  • Warm – ลูกค้ารู้สึกถึงความอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย รู้สึกเป็นมิตร
  • Reliable – ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่น นับถือ รู้สึกถึงองค์ความรู้ และภูมิปัญญา
  • Transparent – ลูกค้ารู้สึกถึงความเชื่อใจ โปร่งใส่ ความจริงใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง

เวลาที่เราจะสร้างแบรนด์ เราจะต้องใส่ใจกับเรื่องของอารมณ์ที่ลูกค้าควรจะได้รับ และความรู้สึกของลูกค้าเมื่อมาปฏิสัมพันธ์กับเรา นอกจากนี้ เราควรจะเลือกเอาแค่ความรู้สึกเดียว ดีกว่าเลือกหลายอารมณ์ เพราะจะทำให้บุคลิกและตัวตนของแบรนด์เราไม่ชัดเจน

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/6551298/

3. Trust: อะไรที่ช่วงสร้างความน่าเชื่อถือ

การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เราจะต้องลงทุน ลงแรง ไปกับการทำให้ลูกค้าเชื่อถือในแบรนด์ของเรา ซึ่งมีหลักการสำคัญ ดังนี้

  • Competencies – เราจะต้องมีความเจ๋งในความตัวตนของเรา ต้องมีจุดแข็ง มีคุณค่า มีความสามารถที่ลูกค้าสามารถจับต้องได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเท่านั้น แต่ต้องใช้งานได้จริง ๆ ด้วย
  • Consistency – การที่ลูกค้าจะเชื่อถือแบรนด์ของเรา เราจะต้องมีความสม่ำเสมอ มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความแน่ใจในคุณค่าของแบรนด์เรา
  • Commitment – เราจะต้องมีความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ และต้องทำให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่ไม่มีพัฒนาการ
  • Community – เราควรจะมีชุมชน มีกลุ่ม มีฐานของลูกค้าที่ติดตามเรา ยิ่งเรามีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ จะยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากขึ้นเท่านั้น
  • Communication – เราจะต้องมีการสื่อสารที่ดี ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
  • Clear character – แบรนด์ของเราจะต้องมีคาเร็คเตอร์ที่ชัดเจนว่าเราจะอยู่ในบทบาทไหน และไม่ควรจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะจะทำให้ลูกค้าสับสน และไม่เกิดความเชื่อขึ้นมาได้
  • Caring customers – มีความใส่ใจต่อความรู้สึกของลูกค้าว่าเขาพอใจหรือไม่ ชอบหรือเปล่า รู้สึกว่าคุ้มค่าไหม
เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/4476366/

4. Story: สร้างเรื่องเล่าเคล้าความจริง

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสร้างแบรนด์ ก็คือการที่เรามีเรื่องราวที่ลูกค้าจดจำ ซึ่งแม้แต่การสร้างแบรนด์ชื่อดังในระดับโลก ต่างก็ใช้แนวทางนี้ด้วยกันทั้งสิ้น คือ

  • Struggle – การเริ่มต้นเล่าเรื่องจากความยากลำบาก อุปสรรคอะไรบ้างที่ได้พบเจอ
  • Success – จากความลำบาก ก็ดำเนินมาจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
  • Strengths – หลังจากที่เราประสบความสำเร็จแล้ว เรามีความแข็งแกร่ง หรือบทเรียนอะไรบ้าง

นี้คือหลักการเล่าเรื่องเพื่อการสร้างแบรนด์ โดยเป็นเทคนิคที่แบรนด์ดังระดับโลกใช้กัน (ซึ่งผมขอหยิบยกเอามาเป็นเพียงแนวทางให้เห็นภาพเท่านั้น เพราะเนื้อหาของเรื่องนี้มีค่อนข้างมาก ซึ่งในโอกาสต่อไปจะขยายความในเชิงลึกอีกครั้ง)

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/2417848/

5. Logo: โลโก้ที่ดีต้องมีเรื่องราว

โลโก้คือส่วนสำคัญของการสร้างแบรนด์ โลโก้ที่ดีต้องมีเรื่องราวในตัวเอง และผมแนะนำว่าเราควรจะลงทุนลงแรงกับเรื่องการออกแล้วโลโก้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าเป็นไปได้ ควรใช้บริการนักออกแบบมืออาชีพ เนื่องจากโลโก้ถือเป็นจุดจดจำที่ลูกค้าจะต้องมองเห็น และต้องสามารถทำให้เขานึกออกว่าเป็นเราเป็นใคร ดังนั้น ถ้าเราไม่ชำนาญเรื่องการออกแบบ ก็ขอให้ใช้มืออาชีพมาทำจะดีกว่า

ซึ่งหลักการออกแบบโลโก้มีดังนี้

  • Original – โลโก้ที่ดีจะต้องไม่เหมือนใคร ต้องมีความเป็นต้นตำหรับ มีความดั่งเดิม ซึ่งบางคนพลาดมาก เพราะเวลาจะก่อตั้งบริษัท ก็ไปหาเอาโลโก้ฟรีจากเว็บไวต์ต่าง ๆ มาทำเป็นโลโก้ของตัวเอง ผลเสียที่ตามมาก็คือโลโก้ของเรามันจะไปคล้ายกับโลโก้ของแบรนด์อื่นนั้นเอง ทำให้ขาดอัตลักษณ์เฉพาะตัว
  • Timeless – โลโก้ที่ดีเมื่ออกแบบแล้วจะต้องใช้ได้อย่างยาวนาน อย่างน้อยก็ 30-50 ปี ไม่ควรเปลี่ยนโลโก้บ่อย ๆ เพราะจะทำให้ลูกค้าสูญเสียการจดจำไป
  • Adaptable – โลโก้ที่ดีเมื่ออกแบบมาแล้ว ไม่ว่าจะย่อเล็กหรือขยายให้ใหญ่ยังไงก็ตาม ก็ยังอ่านออก ยังมองรู้ว่าเป็นโลโก้อะไร
  • Memorable – โลโก้ที่ดีจะต้องเป็นสิ่งที่จำได้ง่าย พยายามอย่าไปออกแบบคล้ายกับคนอื่น เพราะจะทำให้ลูกค้าสับสน แล้วอย่าไปใส่รายละเอียดอะไรที่มันจดจำได้ยาก
  • Relevance – โลโก้ที่ดีจะต้องมีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม ธุรกิจที่เราทำอยู่ เพราะโลโก้ก็คือตัวแทนของแบรนด์ จะต้องสื่อเรื่องราวของเราลงไปในนั้นด้วย
เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/1279813/

6. Color ลงทุนกับนักออกแบบสี

การสร้างแบรนด์ กับการออกแบบเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ แม้แต่เรื่องสีก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ใจและลงทุน ในเวลาที่เราจะสร้างแบรนด์ เราจะต้องมีนักออกแบบที่มีองค์ความรู้เรื่องสีที่ดีพอ และต้องเข้าใจทฤษฎีสี เข้าใจหลักจิตวิทยาว่าสีแต่ละแบบไหน ให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างไร และการใช้สีจะต้องสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์เราด้วย ซึ่งเป็นกระบวนการทางจิตวิทยา ดังนี้

  • น้ำเงิน ให้ความรู้สึกถึง ความน่าเชื่อถือ, ความรู้, ความซื่อสัตย์
  • เขียว ให้ความรู้สึกถึง เงิน, เติบโต, สดชื่น, ธรรมชาติ
  • เหลือง ให้ความรู้สึกถึง พลังงาน ความสุข ความดั้งเดิม
  • ม่วง ให้ความรู้สึกถึง ความเป็นเข้าขุนมูลนาย ความหรูหรา จิตวิญญาณ
  • ชมพู​ ให้ความรู้สึกถึง ความเป็นผู้หญิง ความขี้เล่น
  • แดง ให้ความรู้สึกถึง พลัง ความแข็งแรง ความหลงใหล
  • ส้ม ให้ความรู้สึกถึง ความกล้า ความดั้งเดิม ความสำเร็จ
  • ขาว ให้ความรู้สึกถึง ความสะอาด ความสะอาด ความสดชื่น
  • ดำ ให้ความรู้สึกถึง ความหรูหรา ความแข็งแกร่ง ลึกลับ น่าค้นหา

และทั้งหมดนี้ก็คือ สร้างแบรนด์ให้แข็ง ต้องลงแรงเรื่องอะไร ซึ่งถือเป็นแนวทางในการที่เราจะโฟกัสในเรื่องสำคัญ ๆ เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ให้ได้อย่างถูกต้อง ถูกจุด ซึ่งถ้าหากอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ก็สามารถนำเอาแนวทางนี้ไปใช้ในการสร้างแบรนด์ได้เลย

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

เก่งแต่ไม่ก้าวหน้า ปีหน้าจะทำอย่างไร

ไร้สาระสิ้นดี!!! ทำงานก็มีผลลัพธ์
แล้วทำไมต้องประจบเจ้านาย บ้าไปแล้ว
ทำไมไม่ให้ผลงานเป็นตัวตัดสินหละ
เคยสังเกตไหมว่าทำไมคนที่เก่งคน
เก่งการนำเสนอ และเจ้านายรัก
ถึงมีโอกาสก้าวหน้ามากกว่าคนอื่น?

อ่านต่อ »

เจ้านายไม่รัก จะก้าวหน้าได้อย่างไร?

ทำงานดีทั้งปี เจ้านายไม่เห็นผลงาน
เจ้านายไม่รู้ เจ้านายไม่เห็นความสำคัญ
เพราะไม่ตรงกับเป้าหมาย ทำให้ตายก็
ไม่ไปไหนซักที
เจ้านายไม่รัก จะก้าวหน้าได้อย่างไร?

อ่านต่อ »

รับสิทธิพิเศษมั๊ย?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า

ลงทะเบียนตอนนี้ รับ E-Books ฟรี!!