พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
ในการที่เราจะให้ตัวเองประสบความสำเร็จนั้น มันจะมีทั้งส่วนที่เราควรจะพัฒนาตัวเอง และในส่วนที่เราควรจะเลิกนิสัยบางอย่าง แต่เชื่อหรือไม่ว่า การที่เราพัฒนานิสัยใหม่ ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าการเลิกนิสัยเดิมของเรา เนื่องจากว่า การที่เราจะพัฒนานิสัยใหม่ ๆ นั้น เราอาจจะใช้เวลาในการบ่มเพาะอย่างสม่ำเสมอสักประมาณ 21 วัน เราก็สามารถที่จะสร้างเสริมนิสัยใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นกับตัวเราเองได้แล้ว เช่น การนอน การกิน การออกกำลังกาย
แต่ทว่า ในการที่เราจะทิ้งนิสัยเดิม ที่เราเคยชิน การที่เราจะเลิกทำนิสัยนั้นได้ กลับจะต้องใช้เวลานานมากกว่า ซึ่งวันนี้ผมก็อยากจะขอเชิญชวนให้เรากลับมาพิจารณาดูว่า มีนิสัยอะไรบ้างที่เราควรจะทิ้งมันไป ถ้าเราอยากสำเร็จไว ๆ ดังนี้
1. Unhealthy lifestyle: เลิกใช้ชีวิตที่ไม่ใส่ใจสุขภาพ
เราควรที่มองว่าเกมการทำธุรกิจนั้นเป็นเกมระยะยาว เพราะว่าถ้าหากเราทุ่มเททั้งชีวิตไปเพื่อหวังจะกำชัยชนะในระยะเวลาสั้น ๆ 3-5 ปี ถ้าเราลุยแบบไม่ห่วงชีวิต ไม่ห่วงสุขภาพ เพราะคิดว่าถ้าธุรกิจประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ แล้วค่อยกลับมาให้เวลากับตัวเอง ค่อยกลับมาดูแลสุขภาพทีหลัง ผมก็บอกได้เลยว่า บางทีถึงตอนนั้น เราอาจจะไม่เหลือสุขภาพให้ดูแลแล้วก็ได้
ดังนั้น อย่าทำงานจนลืมสุขภาพ เราต้องใส่ใจเรื่องอาหาร เรื่องการออกกำลังกาย และการรักษาจิตใจให้แจ่มใส อย่าเครียดจนเกินไป
2. Short-term mindset: หยิบผลไม้ใกล้มือ
หมายความว่า เราไม่ควรจะมองแต่ผลประโยชน์ระยะสั้นจนเคยตัว เพราะมันจะทำให้เรามองไม่เห็นอนาคต ดังนั้น เราจะต้องฝึกที่จะมองการณ์ไกล เราจะต้องมองให้ออกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
หลาย ๆ คนอาจจะเคยฝึกการเขียนเป้าหมายของชีวิตมาบ้าง แต่ผมก็แนะนำว่า เราไม่ควรเขียนเป้าหมายชีวิตในระยะสั้น ๆ แค่ 1 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี แต่เราควรจะฝึกเขียนเป้าหมายเอาไว้ 10 ปี ว่าเราอยากจะเป็นอย่างไร ซึ่งมันจะทำให้เรามองเห็นภาพรวมที่ใหญ่พอ เสร็จแล้วให้เราย้อนกลับมาวางแผนว่าในแต่ละปีเราจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อว่าเมื่อชีวิตดำเนินไปจนถึงปีที่ 10 เราจะได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งเราจะรู้ได้เลยว่าในแต่ละปีชีวิตของเรามีอะไรบ้างที่จะต้องทำ
ซึ่งการทำแบบนี้ เราจะกลายเป็นคนที่ทำสิ่งสำคัญ ๆ ตั้งแน่เนิ่น ๆ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบเร่ง ๆ เพราะไม่เคยมีการวางแผนมาตั้งแต่ต้น
“ถ้าเราอยากมีผลไม้ไว้กินตลอดเวลา
เราควรที่จะต้องปลูกตั้งแต่วันนี้”
3. Playing small: เล่นเล็กไม่เล่นใหญ่
เราจะต้องเลิกนิสัยการเล่นเล็ก ไม่เล่นใหญ่ เพราะถ้าเราทำแต่สิ่งเล็ก ๆ เราจะปิดกั้นศักยภาพที่แท้จริงในตัวของเรา และถ้าเราไม่เอาศักยภาพที่แท้จริงของเราออกมาใช้ ก็แสดงว่าเราไม่ได้ตอบแทนให้โลกใบนี้อย่างเต็มความสามารถ โดยปล่อยให้ศักยภาพเหล่านั้นหลับใหลและตายไป
ให้เราลองนึกถึงตอนที่เราเป็นเด็ก เราเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก มีความกระตือรือร้นและต้นเต้นกับการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เราไม่หยุดเรียนรู้ เราออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยความสนใจใคร่รู้ จนกระทั่งเราไม่อยากจะหลับตานอนในตอนกลางคืน เพราะเรายังคิดถึงการออกไปท่องเที่ยวและพบเจอสิ่งต่าง ๆ แต่เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้กลับหายไป
คนเราไม่ได้แก่ เพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่ความแก่เกิดขึ้นจากความเป็นเด็กในใจของเราได้ตายไปต่างหาก ดังนั้น เราต้องตื่นมาด้วยหัวใจที่สดใหม่ ไม่หยุดการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง เมื่อนั้นไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่ งานยากขนาดไหน เราก็สามารถที่จะทำมันได้
4. Making excuse: แก้ตัวแต่ไม่แก้ไข
เราจะต้องเลิกนิสัยที่โทษแต่คนอื่น ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ก็ชี้ไปที่ว่าเป็นเพราะความผิดของคนอื่น โดยที่เราไม่เคยย้อนกลับมามองตัวเองเลยว่าเรามีส่วนในความผิดพลาดเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งบางคนอาจจะดีขึ้นมาหน่อย คือไม่กล่าวโทษคนอื่น แต่จะใช้วิธีหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเอง หาเหตุผลว่าปัญหามันเกิดจากอะไร แต่ไม่เคยไปถึงวิธีการแก้ไขเลยว่าจะทำยังไงให้มันดีขึ้น
ดังนั้น เราไม่ควรที่จะเป็นคนที่ชอบแก้ตัว แต่ไม่เคยคิดแก้ไข ด้วยการมองต่าง ๆ อย่างมีเหตุผล เวลาเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา จะต้องพิจารณาว่า…เกิดอะไรขึ้น และเราจะแก้ไขได้อย่างไรบ้าง
“โลกใบนี้เปลี่ยนไปไม่ใช่เพราะคนอื่น
แต่เริ่มต้นที่ตัวเราเอง”
5. Multi-tasking: อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน
หลายคนมีความสามารถพิเศษ ที่จะทำหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกัน แล้วมีความภาคภูมิใจในความสามารถนี้ด้วย แต่เอาจริง ๆ น้อยคนมากที่จะทำอะไรที่ละหลาย ๆ อย่างแล้วประสบความสำเร็จ เพราะเราต้องแบ่งพลังงาน แบ่งความตั้งใจ กระจายออกไปเป็นส่วน ๆ ดังนั้น เราควรเลือกมาสัก 1 สิ่งแล้ววิ่งไปให้สุด แล้วมันพอตั้งตัวได้ สามารถที่จะเดินหน้าไปได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเรา ถึงเวลานั้นเราก็ค่อยไปเริ่มทำในสิ่งที่ 2
รวมถึงเราจะต้องโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน ทุ่มเทพลังงานและทำให้มันออกดอกออกผลก่อน เล็งเป้าหมายให้คม ถามตัวเองว่าเราจะเป็นอะไรกันแน่ เราจะทำอะไรกันแน่ จะหาเงินจากอะไรกันแน่ เมื่อเราเล็งได้แล้ว ก็ให้ทิ้งเรื่องอื่นไปก่อน แล้วก็โฟกัสกับสิ่งที่เราจะทำให้ได้มากที่สุด
6. Control freak: บ้าควบคุม
หลายคนมีความคิดว่า เวลาจะทำธุรกิจนั้น ต้องควบคุมอะไรทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ใจเราคิดเสมอ แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครสามารถทำแบบนั้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมจะพูดเรื่องนี้เสมอว่า เวลาเราทำธุรกิจ เราอย่าไปสนใจยานพาหนะจนหลงลืมเป้าหมาย
สมมุติเราจะไปเที่ยวฝรั่งเศส คงไม่มีใครไปสนใจว่ากัปตันที่ขับเครื่องบินเป็นใคร ใช้เครื่องบินรุ่นไหน ใช้พลังงานอะไร เพราะทุกคนจะสนใจแค่ว่าของให้ยานพาหนะพาไปถึงฝรั่งเศสได้ก็พอ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เราโฟกัส ซึ่งถ้าหากว่าพาหนะพาเราไปไม่ถึง เราก็อาจจะต้องปรับการเดินทางใหม่ บางคนอาจจะไปนั่งเรือ นั่งรถไฟ อะไรก็ตามแต่ เพราะไม่มีใครยึดติดที่ยานพาหนะ
การทำธุรกิจก็เหมือนกัน ผมจะมีทฤษฎีอันหนึ่งใช้มานานมากคือ “เอาวะ” หมายความว่า ลงมือทำไปเลย ไม่ต้องคิดมาก ถ้ามีอะไรไม่ดีก็ “ช่างแม่ง” แล้วปรับปรุงให้มันดีขึ้น เพราะเราต้องการแค่ไปให้ถึงเป้าหมายนั้นเอง
“เราล็อคเป้าหมายได้
แต่วิธีการเราต้องปรับปรุงเสมอ
เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย“
7. Say Yes to everything: อย่าตกลงทุกเรื่อง
แม้ว่าผมเองจะเป็นคนที่สนับสนุนให้เปิดรับโอกาสที่วิ่งเข้าในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะเน้นย้ำเสมอคือการที่เราต้องไม่ละทิ้งเป้าหมาย ดังนั้น ในทุก ๆ โอกาสที่เราจะตอบเรา ควรที่จะเป็นโอกาสที่จะพาให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของเรามากขึ้น หรือเป็นโอกาสที่จะทำให้เราเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับเป้าหมายที่เราวางเอาไว้
ดังนั้น อย่าตกลงกับทุก ๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ให้เราเลือกในสิ่งที่สนับสนุนให้เราเข้าใกล้เป้าหมายไปเรื่อย ๆ ส่วนอะไรที่ไม่สนับสนุนเป้าหมาย ก็ให้เราวางไว้ก่อน คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คือคนที่ยอมเสียมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเสียอิสรภาพ เสียเวลา เสียความสุขในการไปเที่ยวเล่น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมาย
8. Toxic people: เลิกคบคนที่เป็นพิษต่อเป้าหมายคุณ
Jim Rohn ซึ่งเป็นกูรูเรื่องการพัฒนาตัวเอง เขาเคยบอกว่า “คุณคือค่าเฉลี่ยของคนรอบข้าง 5 คน” เพราะฉะนั้นเราลองคิดดูว่าเพื่อนรอบข้างเรา 5 คน เฉลี่ยออกมาแล้วเป็นคนที่พาเราไปสู่เป้าหมายไหม หรือว่าเพื่อนของเรา 5 คน เป็นคนที่เราพาแวะออกนอกข้างทาง
ถ้าเพื่อนคนนั้นเป็นพิษต่อเป้าหมายของเรา เราต้องเลือกเอาเฉพาะบางมุม ที่มันอาจจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของคุณได้บ้าง หรือถ้าจะเลือกคบคน ก็เลือกคนที่สนับสนุนเป้าหมายของเราได้จะดีที่สุด
9. Seek for approval: มองหาการยอมรับจากผู้อื่น
ในโลกของการทำธุรกิจ หรือโลกของการพัฒนาตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องมองหาคำอนุญาตจากคนอื่น เพราะถ้าเรามองหาแต่การยอมรับจากคนอื่นมันก็จะติดเป็นนิสัย มันก็จะทำให้เราไม่สามารถเติบโตได้ เราต้องทำในสิ่งที่เรามั่นใจว่าเราอยากจะทำ
“สิ่งเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการทำให้คนอื่นไม่ชอบ
คือการทำสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่สำคัญอะไรเลย”
และทั้งหมดนี้ก็คือ อยากสำเร็จ ให้เลิก 9 นิสัย ตั้งแต่วันนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต และในการทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เราสามารถจะลงมือทำได้เลยในทันที