อ่านเกมธุรกิจ ทำธุรกิจอย่างไร ให้ชนะล่วงหน้า

เคยเป็นไหมครับ

หลายคนบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทุนทำธุรกิจไม่มี

รัฐบาลจะออกมาตรการอะไรช่วยเหลือธุรกิจบ้างไหม?

อยากลงทุนเพิ่ม จะมีเม็ดเงินมาช่วยลงทุนไหม ?

ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งคนที่เคยทำธุรกิจ และเจอปัญหาพวกนี้ ผมคิดมาเสมอว่าปัจจัยภายนอกมีผลต่อการทำธุรกิจ จนไม่อาจจะกระดิกตัวไปทางไหนได้ แต่ผมก็เอ๊ะใจว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจบางคน กลับสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีได้ ?

นี่เป็นคำถามที่ผมเคยสงสัย และวันนี้ผมได้รับคำตอบแล้วครับ

ผมจะเปิดเผยเคล็ดลับ ที่ทำให้คุณจะสามารถคาดการณ์ธุรกิจที่ทำอยู่ได้ว่าอีก 6 เดือน

1 ปี หรือ 2 ปี ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น ผมได้นำเรื่องนี้ไปใช้วางแผนกลยุทธ์ การเลือกใช้คน และการใช้ทรัพยากรที่มี และมีแผนที่จะขยายไป AEC อีก 5 ปีข้างหน้าได้อย่างไม่ยากเลยครับ

สิ่งที่คุณต้องรู้ คือ ?ฤดูกาลในการทำธุรกิจ (Season)?

ฤดูกาลในธุรกิจคืออะไร แล้วเกี่ยวกับการทำธุรกิจอย่างไร ?

พูดง่ายๆ คือ ในแต่ละธุรกิจ ก็มีวงจรที่แบ่งออกตามฤดูกาลเป็น 4 ฤดูกาลด้วยกัน ถ้าใครที่เรียนรู้เรื่อง ?Product Life Cycle มาก่อนก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ Wealth Dynamics แตกต่าง คือ คุณจำเป็นรู้ก่อนว่า ?ตัวคุณเองเป็นคนที่มีพลังงานด้านใด ?? แล้วค่อยมาดูว่าธุรกิจที่ทำอยู่ ตรงกับในฤดูกาลไหน คุณต้องมีกลยุทธ์ที่สอดคล้องกัน และเลือกใช้คน ให้เหมาะตามจุดแข็งของคุณ และเสริมจุดอ่อนของคุณ เรามาดูกันเลยครับว่า ฤดูกาลในธุรกิจมีอะไรบ้าง

ฤดูที่ 1 คือ Spring (ฤดูใบไม้ผลิ)

Spring ก็คือการเกิดใหม่ หมายถึงธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น อยู่ในช่วงขาขึ้นหรือเพิ่งเติบโต ธุรกิจลักษณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต้องใช้คนที่มีสัญชาตญาณสูงในการทำงาน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น เทสล่ามอเตอร์ (Tesla Motor) ก็คือเป็นธุรกิจรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ซึ่งตอนนี้ในโลก ยังไม่มีใครทำ

คนที่เหมาะกับธุรกิจประเภทนี้ คือ คนที่กล้าคิด กล้าทำ ชอบสิ่งใหม่ๆ ชอบงานที่ท้าทาย นั่นก็คือ พวกพลังงานแบบ Dynamo นั่นเอง

ฤดูที่ 2 คือ ?Summer ?(ฤดูร้อน)

Summer เป็นช่วงที่ต่อมาจาก Spring เมื่อธุรกิจมีการเติบโต คือมีการแข่งขันในตลาดที่ร้อนแรง มีนักขายที่ออกไปวิ่งหาลูกค้า คนเริ่มตื่นตัวกับตลาด ยกตัวอย่าง เช่น ก่อนหน้านี้รถยนต์ไฮบริดเป็นสิ่งที่จับต้องยาก ดูเป็นสินค้านวัตกรรม แต่ปัจจุบันรถยนต์ไฮบริด ใครๆก็สามารถซื้อได้แล้วง่ายๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่

คนที่เหมาะกับธุรกิจประเภทนี้ คือ กลุ่มคนที่ชอบติดต่อกับคน อยู่ในกลุ่ม Blaze Energy คนที่ชอบอะไรใหม่ๆ ไม่ชอบงานที่ลงรายละเอียด เขาชอบที่จะต้องไปนำเสนองานกับคนใหม่ๆ การได้อออกไปพบปะผู้คน ทำให้พวกเขาจะมีไอเดีย และรู้สึกถึงความมีพลัง แต่ถ้าให้คนกลุ่มนี้ไปนั่งทำระบบหลังบ้าน รับรองพวกเขาไม่สนุกแน่ๆ และจะเหี่ยวเฉาตายไปในที่สุด

ฤดูที่ 3 คือ Fall (ฤดูใบไม้ร่วง)

Fall ?เป็นช่วงที่การแข่งขันเริ่มเดือด มีการเปรียบเทียบราคา ภาคธุรกิจเริ่มลดราคาสินค้า คนจะเริ่มหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจก่อนซื้อ ธุรกิจจะเริ่มช้าลง ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ค่ายดังหลายๆค่ายนะครับ ที่มีการแข่งขันทางด้านราคา หรือรถ Eco car เป็นต้น

คนที่เหมาะกับธุรกิจประเภทนี้ คือ กลุ่มคนที่มี Tempo Energy คือ คนที่มีหัวใจให้บริการ เพราะธุรกิจในช่วงนี้ ?คนที่ชนะ? ไม่ใช่คนที่คิดค้นอะไรใหม่ๆ แต่เป็นคนที่สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และสร้างฐานใหม่ ให้เขาพึงพอใจ และอยากใช้สินค้าและบริการของเราต่อไปเรื่อยๆ

ฤดูที่ 4 คือ Winter ฤดูหนาว

Winter หมายความว่าเป็นช่วงสุดท้ายของธุรกิจ ที่มีการตัดราคาหรือเขาเรียกว่าเป็นธุรกิจแดงเดือด คือ มีการแข่งขันสูง ธุรกิจที่จะปรับตัวและอยู่ได้ในช่วงนี้ คือ ต้องปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น มีระบบเข้ามารองรับ ซึ่งมักจะสะท้อนออกมาในมุมของต้นทุนที่ต่ำลง ถึงจะยืนหยัดในตลาดได้ ถ้าถามว่าธุรกิจใดบ้างที่เข้าสู่อันนี้แล้ว บอกเลยว่าเยอะมากๆ ยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจสายการบิน Low Cost ธุรกิจธนาคาร และตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยเมื่อเข้าสู่ช่วง Winter แล้วไม่ปรับตัว คือ Kodak

คนที่เหมาะกับธุรกิจประเภทนี้ คือ กลุ่มคนที่ Steel Energy ที่ชอบในเรื่องของการวิเคราะห์ การวางระบบ การจับแพทเทิร์นเดิมๆ แล้วมาทำใหม่ให้ดีขึ้น ใช้คนน้อยลง แต่ผลลัพธ์เท่าเดิม คนกลุ่มนี้เป็นคนที่อยู่กับงานที่ลงรายละเอียด หรืองานที่ต้องใช้การคำนวณ ซึ่งจะตรงข้ามกับคนที่เป็นพลังงาน Blaze Energy 100%

สูตรในการดูว่าธุรกิจอยู่ในฤดูกาลไหน และต้องทำอย่างไร

ผมขอยกตัวอย่าง ?ธุรกิจมือถือ?

1. มือถือ จะออกรุ่นใหม่ทุกๆ 1-2 ปี ผมกะคร่าวๆเป็น 2 ?ปี (จริงๆสั้นกว่านั้นด้วยซ้ำครับ ผมยกตัวอย่างให้แบ่งง่ายๆ) ?ซึ่งสินค้าอื่นๆ คุณต้องไปดูว่ากว่าวงจรธุรกิจใช้เวลากี่ปี ?

2. เอาระยะเวลาของวงจรธุรกิจที่ได้ หารด้วย 4 ?(4 มาจากจำนวนฤดูกาล) ก็จะได้ตัวเลขของรอบฤดูกาลโดยเฉลี่ย อย่างใยตัวอย่างผลลัพธ์ออกมาเท่ากับ 0.5 หรือเท่ากับครึ่งปี

   มาดูวิธีการคิดกันครับ

   ช่วงที่ 1: ครึ่งปีแรกที่เปิดตัวสินค้า คนที่ซื้อส่วนมาก ก็จะเป็นกลุ่มคนที่เป็น Dynamo คือ ชอบของใหม่ ชอบนวัตกรรม ดูตัวอย่าง IPhone สิครับ จะเห็นผล กลุ่มที่ซื้อเลยทันที ส่วนมากมือถือเครื่องเดิมยังไม่ทันพังเลยครับ แต่เขากลัวตกเทรนด์!

   ช่วงที่ 2: ผ่านมาอีก 6 เดือน ค่ายมือถือจะเริ่มออกโปรโมชั่นมากระตุ้นคนซื้อละ แต่โปรโมชั่น ก็ยังไม่ได้แรงมาก คนที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อจะเริ่มเห็น ดารา เซเลบ ใช้กันมากขึ้น เห็นโฆษณาบ่อยขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจซื้อ กลุ่มนี้จะเป็นพวก Blaze Energy ตัดสินใจซื้อเพราะเห็นคนอื่นใช้แล้วโอเค ยิ่งมีคนดังๆมาโปรโมท กระตุ้นได้มากทีเดียว

   ช่วงที่ 3: ผ่านมาอีก ?6 เดือน เริ่มมีโปรโมชั่นหนักๆ ออกมาให้เห็น อย่างผมเคยซื้อโน้ต 4 ที่ลดราคาลงมาเหลือประมาณ 16,000-17,000 ?บาท ?ราคาก็เริ่มถูกลงมากขึ้น และมีการเปรียบเทียบราคา คนที่เป็น Tempo Energy จะเริ่มแฮปปี้ เพราะว่าราคามันเริ่มถูก

   ช่วงที่ 4: ผ่านมาอีก 6 เดือน เป็นช่วงสุดท้าย สินค้าเริ่มตกรุ่น เป็นช่วงรุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาด กลุ่มคนที่เป็น Steel Energy จะตัดสินใจซื้อ เพราะเครื่องเก่าพังแล้วจริงๆ หรือบางคนก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนด้วยซ้ำ ถ้าไม่ถูกบังคับให้เปลี่ยน เหมือนสมัยก่อนที่มือถือฟีเจอร์โฟนต้องเปลี่ยนมาเป็นสมาร์ทโฟน คือถ้าหากฟีเจอร์โฟนมันไม่หายไป คนที่เป็น Steel Energy ก็อาจจะไม่อยากเปลี่ยนใหม่

เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าคุณเข้าใจประเภทของธุรกิจ ฤดูกาลของธุรกิจ มันก็ทำให้คุณสามารถวางแผนของบุคลากร ?วางแผนการตลาด วางแผนโปรโมชั่น ได้ล่วงหน้าอย่างไม่ยาก สำหรับใครที่ยังลังเล หรืออยากรู้ว่าแล้วตัวเองเป็นคนที่มีพลังงานในด้านใด สามารถเข้าไปทำแบบทดสอบฟรีได้ที่ http://wealthdynamicsthailand.com/mmptest/

หรือหากอยากฟังเนื้อหาที่ผมสอนเต็มๆ เข้าไปดูได้ที่นี่ครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ

Wealth Dynamics Thailand

www.wealthdynamicsthailand.com

www.facebook.com/wealthdynamicsthailand