10 บทเรียนสำคัญในการทำธุรกิจ

[xyz-ips snippet="Podcast"]
พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์

ผมเป็นคนหนึ่งที่เฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ได้เห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวของผู้คน ได้เห็นว่าทำไมคนจำนวนมากที่เข้าสู่เส้นทางธุรกิจแล้วไม่ประสบความสำเร็จ กับอีกคนจำนวนหนึ่งทำไมเข้าสู่เส้นทางธุรกิจแล้วพวกเขาจึงประสบความสำเร็จ หรือแม้กระทั่งตัวผมเอง ก็เคยผ่านทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวกว่าที่จะเดินทางมาถึงวันนี้ได้

ดังนั้น ผมอยากจะมาแบ่งปัน 10 บทเรียนสำคัญในการทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรงจากตัวเอง เพื่อให้เราได้เรียนรู้ร่วมกัน และอาจจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจของตัวเองได้

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/3184396/

1. คุณอยากเป็นใคร เอาให้ชัด

เคยมีคนบอกผมว่า “ถ้าคุณอยากเป็น Trainer คุณไม่ควรที่จะคบกับคนที่อยากเป็น Trainer แต่ให้คุณคบกับคนที่อยากจะเป็นเจ้าของบริษัท Trainer” เพราะคนที่เป็น Trainer จะเป็นคนที่ใช้แรงตัวเองทำงาน เป็นดาวเด่นในการทำ Trainer แน่สำหรับคนที่เป็นเจ้าของบริษัท Trainer เขาจะไม่ได้เป็นดาวเด่น แต่เขาจะเป็นคนที่รวบรวมคนจำนวนมากมาทำงานในบริษัท Trainer ของเขา

ดังนั้น เราจะต้องถามตัวเองให้ชัด ว่าเราอยากจะเป็นใครในอนาคต อยากจะประสบความสำเร็จแบบไหน เพื่อที่เราจะสามารถออกแบบชีวิตของเราให้ได้อย่างตรงจุด และผลักดังตัวเองเข้าสู่ระดับที่เราต้องการจะเล่น

2. หน้าตาของความสำเร็จของคุณเป็นอย่างไร

อย่าให้ใครมาบอกว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น เราจะต้องมีอะไรบ้าง แต่ให้เราพิจารณาด้วยตัวเองว่าความสำเร็จในชีวิตที่เราต้องการเป็นแบบไหน

หลาย ๆ คนทุ่มเททำงานหนักแบบถวายชีวิต เพื่อหวังว่าเมื่อตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว เขาจะมีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป แต่ในท้ายสุด บางคนก็ต้องจ่ายเงินที่มีทั้งหมดให้กับโรงพยาบาล เพราะตอนที่ทำงานได้ ก็ไม่เคยมีเวลาได้ดูแลตัวเองเลย

ดังนั้น เราควรออกแบบความสำเร็จของตัวเองว่ามันควรจะหน้าตาเห็นอย่างไร อย่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่ล้มเหลวในการใช้ชีวิต ควรมีเวลาให้กับตัวเอง ให้กับครอบครัว ให้กับการศึกษาเรียนรู้ และการพักผ่อน เพราะความสำเร็จแท้จริงอาจจะไม่ได้วัดกับที่จำนวนเงิน แต่วัดกันที่ความสุขและความสมดุลของชีวิต

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/7176230/

3. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ

เราไม่จำเป็นจะต้องเสแสร้งแสดงออกว่าเราเป็นคนที่มีความแข็งแกร่ง แต่เราควรที่จะมีพื้นที่ปลอดภัยให้เราสามารถแสดงออกว่าเรากำลังอ่อนแอ เพราะกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว หรือเป็นคนรัก เราจำเป็นจะต้องมีคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เราอยู่เสมอ แม้ว่าเราจะผิดพลาดล้มเหลวอย่างไรก็ตาม แต่เมื่อเรามองกลับไป ยังคงมีคนที่คอยให้กำลังและปรารถนาดีกำลังอยู่ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องจำเป็นในการทำธุรกิจเช่นกัน เพราะเราไม่ใช่เครื่องจักรที่วัน ๆ คิดจะหาแต่เงิน แต่เราเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีชีวิต มีหัวใจ

4. ทำอะไรต้องมีแผนการ

ทุกบริษัทที่ประสบความสำเร็จล้วนมีแผนธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช้ทุกแผนธุรกิจจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ…

ผมเองได้เจอกับบริษัทมากมายที่ไม่เคยเขียนแผนธุรกิจมาก่อน แล้วมาเรียนการเขียนแผนธุรกิจกับผม ซึ่งบางบริษัทก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่บางบริษัทก็ต้องปรับตัว ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อให้ธุรกิจมีความก้าวหน้า

แต่ทั้งนี้ ผมก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องละเอียดจนเกินไป ที่ทุกอย่างจะต้องมีแผนไปเสียทั้งหมด ซึ่งหลักสำคัญก็คือถ้าพนักงานแต่ละคน แต่ละฝ่าย ตอบได้เพียง 3 ข้อว่ามีอะไรบ้างที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จ โดยความสำเร็จของแต่ละคน แต่ละฝ่ายนั้นจะต้องส่งเสริมเป้าหมายหลักขององค์กร เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ถ้าเราตอบได้ว่า What / Who / When / Where / How / Why บริษัทของเราก็สามารถเดินหน้าได้ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ๆ การวางแผนระยะ 3 ปี 5 ปี ดั่งเช่นในอดีตอาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้ในปัจจุบันแล้ว จึงต้องวางแผนเป็นระยะสั้น ๆ เช่น 3 เดือน 5 เดือน เพราะต้องปรับรูปแบบวิธีการทำงานขององค์กรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/3779432/

5. จนที่เงินได้ แต่อย่าจนความคิด

ผมเองเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ทำธุรกิจหลายอย่างมาก บางอย่างสำเร็จ บางอย่างล้มเหลว บางอย่างโตเร็ว บางอย่างโตช้า ซึ่งผมบอกได้เลยว่าธุรกิจเป็นของผมทั้งหมดก็จริง แต่เงินลงทุนไม่ได้มาจากผมทั้งหมด เพราะถ้าหากเรามีไอเดียดี ๆ ก็จะมีคนอยากเอาเงินมาลงทุนกับเราเสมอ เพราะผมเป็นคนที่มีเครดิตดี ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน ๆ เนื่องจากสิ่งที่เราแสดงออกให้ทุกคนตลอดมาคือความขยันทำมาหากิน ความซื่อสัตย์ รักษาสัจจะ และที่สำคัญผมจะนำเสนอโอกาสและไอเดียใหม่ ๆ ให้กับคนรอบข้างเสมอ และถ้าเรามีความคิดที่ดีพอ จะมีคนอยากเอาเงินมาลงทุนกับเราตลอดเวลา ซึ่งไอเดียดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เงินหาได้เสมอ ถ้ามีสมอง และมีหูไว้ตอบสนองความต้องการของโลกใบนี้

6. อยากรวยไวต้องใช้ Leverage

Leverage คือการผ่อนแรง ถ้าทำธุรกิจคนเดียวมันก็จะเหนื่อย ดังนั้นเราเองจะต้องมีวิธีคิด ถ้าเกิดไม่อยากทำธุรกิจคนเดียว เราจะหาเงินจากไหน ก็ใช้เงินอันนั้นมาผ่อนแรงได้ ดังนี้

  • Other people time: จ้างพนักงานเก่ง ๆ มาช่วยเราทำงาน
  • Other people skill: จ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเราทำงาน เพราะถ้าเราจะมาเรียนรู้ให้เชียวชาญด้วยตัวเอง อาจจะช้าเกินไป
  • Other people money: ใช้เงินของผู้อื่นมาทำงาน
  • Other people customer: ยืมลูกค้าคนอื่น
  • Other people connection: เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับผู้คน
  • Other people system: หาพันธมิตรมาทำงานเกื้อกูลเรา ไม้ต้องสร้างระบบใหม่เองทั้งหมด
  • Other people experience: ใช้ที่ปรึกษาหาพี่เลี้ยงในการที่เราจะต่อยอดประสบการณ์ของเรา
เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/3182781/

7. อย่ากลัวที่ไล่คนออก

ควรให้ความสำคัญกับทัศนคติของคน และควรหาคนที่มีทัศนคติเดียวกันมาทำงานกับเรา คนที่มีความเชื่อ มีความนิยม มีคุณธรรมจริยธรรมที่ตรงกันกับเรา ซึ่งเราจะต้องเลือกคนจากทัศนคติ และไล่คนออกโดยดูจากพฤติกรรม เนื่องจากทัศนคติเป็นเรื่องที่ชี้วัดได้ยาก ดังนั้น เราจะต้องพิจารณาจากพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมาอย่างซ้ำ ๆ ทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำงาน ถ้าเขาแสดงพฤติกรรมอย่างไร ก็แสดงว่าเป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่เขาจะใช้ในทุก ๆ พื้นที่ของชีวิต

ดังนั้น อย่ากลัวที่จะไล่คนออก ถ้าหากมองแล้วว่ามันไม่ใช่คนที่มีทัศนคติเดียวกัน ที่สามารถมาทำงานร่วมกันกับเราได้ และทำให้บริษัทของเราเติบโต

8. เงินบนโลกนี้ไม่เคยหายไปไหน

อย่าพูดว่า “เงินหายาก” เพราะมันเป็นเรื่องไม่จริง เนื่องจากเงินบนโลกใบนี้ไม่เคยหายไปไหน แต่แค่มันย้ายที่ ดังนั้น เวลาที่เราอยากจะประสบความสำเร็จ เราก็แค่พาตัวเองไปอยู่ในที่ซึ่งเงินมาย้ายไป

การทำธุรกิจ อย่ายึดติดกับบ่อน้ำ หมายความว่า เวลาเราทำธุรกิจก็เหมือนการที่เราไปตักน้ำในบ่อใดบ่อหนึ่ง บางคนคาดหวังว่าน้ำบ่อนี้จะไม่แห้งเหือดหายไปไหน จะมีน้ำให้เราตักไปใช้ประโยชน์ได้ตราบชั่วนิจนิรันดร แต่พอวันหนึ่งที่น้ำแห้งไป ก็ฟูมฟายตีอกชกตัวว่าทำไมน้ำถึงหายไป โดยไม่คิดจะไปหาน้ำบ่อใหม่

การทำธุรกิจก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่ามันไปต่อไม่ได้ เราก็ต้องย้ายไปทำอย่างอื่น ต้องดูว่าวันนี้เงินมันไหลไปทางไหน ผู้คนให้คุณค่ากับอะไร เราก็พาตัวเองไปอยู่ในกระแสนั้น

เมื่อเราเอาตัวเองไปอยู่ในแม่น้ำ ไม่ว่าเราจะอยากเปียก หรือไม่อยากเปียกก็ตาม ยังไงเราก็จะเปียก เมื่อเราเอาตัวเองไปอยู่ในกระแสของเงิน ไม่ว่าเราจะยากได้ หรือไม่อยากได้ เงินก็จะมาวิ่งอยู่รอบตัวเรา

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/1079034/

9. ไม่สำคัญว่าคุณรู้จักใคร แต่สำคัญว่าใครรู้จักคุณ

สมมุติว่าถ้าวันนี้คุณกำลังจะสร้างบ้านราคา 10 ล้านบาท มีผู้รับเหมาะอยู่ 2 คน ที่มีความสามารถเท่ากัน รับผิดชอบงานดีเหมือนกัน และสร้างบ้านเสร็จแน่ ๆ ไม่ว่าเราจะจ้างใคร แต่ว่าคนหนึ่งเป็นเพื่อนเรา ส่วนอีกคนไม่ใช่เพื่อนเรา คำถามก็คือ…เราจะจ้างใคร ซึ่งร้อยทั้งร้อยทั้งร้อยจะจ้างเพื่อนเรา เพราะเราอยากจะให้งานกับคนที่เรารู้จัก อยากให้งานกับคนที่เรารู้สึกดีด้วย

ดังนั้น การที่หลาย ๆ คนมีมายาคติว่าคนที่มีเส้นสายคือคนไม่ดี ผมบอกได้เลยว่าไม่จริง เพราะการมีเส้นสายพรรคพวกมันเป็นแค่สะพานเชื่อมให้คนสองคนไว้ใจกัน แต่เราจะเอาคอนเน็คชันตรงนี้ไปทำอะไรต่างหากล่ะ ที่มันจะชี้วัดว่าเราเป็นคนดีหรือคนไม่ดี ถ้าเราเอาคอนเน็คชันไปทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม มันก็คือเป็นการใช้คอนเน็คชันที่ดี

วันนี้ ถ้าเราทำธุรกิจ แล้วบอกว่าไม่ต้องการใช้เส้นสาย ผมบอกได้เลยว่ายังไงก็ไปไม่รอด นี้คือเหตุผลว่าทำไมคนรวยถึงชอบสร้างคอนเน็คชัน เพราะเขามองว่ามันจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจของเขานั้น ดังนั้น ถ้าคุณอยากทำธุรกิจ จงไปออกงานสังคม ไปพบปะผู้คน สร้างแบรนด์ให้คนได้รู้จัก เข้าสมาคมต่าง ๆ ทำงานช่วยเหลือส่วนรวม เป็นต้น

10. ไม่มีจุดสูงสุดของเงินที่หาได้

ไม่มีจุดสูงสุดของเงินที่จะหาได้ แต่ถ้าคุณเลือกที่จะประหยัดเงิน มันจะมีจุดที่ต่ำที่สุด ที่คุณสามารถจะประหยัดเงินได้ หมายความ ถ้าคุณทำธุรกิจ ต่อให้คุณประหยัดแค่ไหนก็ตาม แต่มันจะมีจุดหนึ่งที่คุณไม่สามารถประหยัดได้มากกว่านี้อีกแล้ว ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณทำธุรกิจดี ๆ มันจะไม่มีจุดสูงสุดในการที่คุณจะหาเงินได้ คุณจะหาเงินได้เรื่อย ๆ

ดังนั้น ในวันนี้สิ่งที่ควรจะต้องทำก็คือการพัฒนาทักษะในการหาเงิน แต่ไม่ต้องพัฒนาทักษะในการใช้เงิน

เครดิตภาพ: www.pexels.com/th-th/photo/450212/

และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 บทเรียนสำคัญในการทำธุรกิจ ที่ผมได้เรียนรู้ตลอดระยะเวลาในการโลดแล่นอยู่ในแวดวงธุรกิจ ถ้าข้อไหนเป็นสิ่งที่คุณเชื่อก็นำไปใช้ แต่ถ้าข้อไหนที่คุณคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณเชื่อ หรือไม่ตรงกับบริบทของคุณก็ให้ลืมมันไป เพราะการใช้ชีวิตของคนแต่ละคนกัน ถ้าบริบทต่างกัน ยุคสมัยต่างกัน ก็เป็นไปได้ว่าประสบการณ์ย่อมต่างกัน ดังนั้น อันไหนคิดว่าดีก็คอยเอาไปใช้

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

เก่งแต่ไม่ก้าวหน้า ปีหน้าจะทำอย่างไร

ไร้สาระสิ้นดี!!! ทำงานก็มีผลลัพธ์
แล้วทำไมต้องประจบเจ้านาย บ้าไปแล้ว
ทำไมไม่ให้ผลงานเป็นตัวตัดสินหละ
เคยสังเกตไหมว่าทำไมคนที่เก่งคน
เก่งการนำเสนอ และเจ้านายรัก
ถึงมีโอกาสก้าวหน้ามากกว่าคนอื่น?

อ่านต่อ »

เจ้านายไม่รัก จะก้าวหน้าได้อย่างไร?

ทำงานดีทั้งปี เจ้านายไม่เห็นผลงาน
เจ้านายไม่รู้ เจ้านายไม่เห็นความสำคัญ
เพราะไม่ตรงกับเป้าหมาย ทำให้ตายก็
ไม่ไปไหนซักที
เจ้านายไม่รัก จะก้าวหน้าได้อย่างไร?

อ่านต่อ »

รับสิทธิพิเศษมั๊ย?

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า

ลงทะเบียนตอนนี้ รับ E-Books ฟรี!!