พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
ในการทำธุรกิจ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ประกอบการจะต้องมีความเป็นผู้นำ ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม ภาวะความเป็นผู้นำถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะเมื่อเรามาเป็นผู้ประกอบการเอง เราจะไม่มีเจ้านายมาคอยบอก คอยสั่งงานว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง ดังนั้น เราเองจะต้องตัวเองให้ได้ว่า เราควรจะทำอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นภาวะผู้นำเช่นกัน (นำตัวเอง)
การที่เราจะเป็นผู้นำให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จะมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ ทักษะความสามารถ รวมไปถึงเรื่องของการศึกษาเรียนรู้ และประสบการณ์การทำงาน และที่ผ่านมาเรามักจะพูดกันว่าผู้นำความจะทำอะไร ดังนั้น ในวันนี้ผมจะมาดูกันว่า ไม่อะไรบ้างที่ผู้นำไม่ควรจะทำ
1. ความเฉื่อยชา
คนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในวันนี้ได้จะต้องมีพลังงานสูง กระตือรือร้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถจะสัมผัสได้จากเวลาที่เราได้ทำงานกับคนที่มีพลังงานสูง มุ่งสู่เป้าหมาย พร้อมที่จะรับมือกับทุกอุปสรรค จะทำให้ผู้ตามเกิดความไว้วางใจ และกระตือรือร้นที่จะทำงานด้วย
ผู้นำคนไหนที่มีความเฉื่อยชา พอประสบความสำเร็จเบื้องต้นในระดับหนึ่งแล้วก็จะรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปต่อแล้ว และไม่อยากจะออกไปจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง จนทำให้ทิ้งโอกาสบางอย่างไป ดังนั้น ผู้นำที่ดีจะต้องมองไปข้างหน้า และเตรียมตัวสำหรับโอกาสใหม่ที่กำลังจะมาถึง รวมถึง ควรจะขยายพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองออกไปอย่างสม่ำเสมอ จึงจะทำให้เข้าถึงโอกาสและสามารถไขว่คว้ามาได้
2. การสื่อสารไม่ดี
ทุกวันนี้การสื่อสารถือเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต และทุก ๆ คนสามารถเข้าถึงการสื่อสารได้อย่างทั่วถึงด้วยเทคโนโลยี โลกใบนี้จึงเต็มไปด้วยชุดข้อมูล ที่ผู้คนต่างต้องการที่จะสื่อสารไปถึงผู้อื่น แต่ก็มีหลายครั้งที่เมื่อเราอื่นข่าว หรือข้อความบางอย่างแล้ว เราก็สามารถจะเข้าใจสารที่จะสื่อเหล่านั้นได้
ดังนั้น ผู้นำที่ดีจะต้องมีความสามารถในการสื่อสารได้เป็นอย่างดี โดยถือเป็นคุณสมบัติหลักที่สำคัญอันขาดไม่ได้เลยทีเดียว เพราะผู้นำจะต้องมีการสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือแม้แต่ต้องสื่อสารกับพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ กับเรา ผู้นำจะต้องสามารถสื่อสารให้คนเล่านั้นมีความเข้าใจ อย่างกระจ่างชัด และสื่อสารอย่างเหมาะสม ในจังหวะและโอกาส ช่วงไหนควรเงียบก็ต้องเงียบ ควรพูดก็ต้องพูด รวมถึงต้องใช้ภาษาที่สอดคล้องเหมาะสมกับระดับผู้ฟัง นอกจากนี้สมาชิกทุกคนของทีม ควรที่จะมีการสื่อสารที่ชัดเจนด้วย
3. เป็นคนธรรมดา
ถ้าเราเข้าไปอยู่ในองค์ที่มีหัวหน้า หรือผู้นำสูงสุดในองค์กร สามารถทำได้แค่ในระดับกลาง ๆ เราก็ย่อมจะรู้สึกว่าไม่อยากฝากอนาคตของเราไว้กับองค์กรแห่งนี้ ดังนั้น ผู้นำที่จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น มากกว่าความสามารถในระดับกลาง ๆ ก็จะทำให้มีโอกาสเติบโตและก้าวหน้าสู่ความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ
เพราะจริง ๆ แล้ว ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ก็เริ่มมาจากคนธรรมดา ๆ ที่มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองสู่การเป็นคนที่ไม่ธรรมดาได้ ดังนั้น สิ่งที่คนเหล่านี้คือ คือการพัฒนาตัวเองในหลาย ๆ มิติ ค่อย ๆ ก้าวข้ามข้อจำกัดในขีดความสามารถของตัวเอง และควรที่จะตั้งมาตรฐานให้สูงกว่าคนธรรมดา
4. เต็มไปด้วยความสับสน
ในฐานะที่เราจะเป็นคนที่นำองค์กร ในเวลาที่เราจะต้องตัดสินใจ ถ้าเราไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว ก็จะไม่เท่าทันการแข่งขันในปัจจุบันได้ เพราะทุกวันนี้โลกหมุนเร็วขึ้น เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว และธุรกิจหลาย ๆ อย่างก็ถูกกลืนหายไป ในทางกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ เนื่องจากปรับตัวตามไม่ทัน
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ จะมีการตัดสินใจที่เฉียบขาด และไม่มีความลังเลสงสัย โดยบางครั้ง การตัดสินใจสำคัญ ๆ ผู้นำก็อาจจะมีทีมงานที่ปรึกษาซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งถือเป็นทีมงานที่สำคัญที่ให้ข้อคิดเห็น แต่คนที่จะฟันธงว่าองค์กรจะเคลื่อนไปในทิศทางไหน จะเป็นหน้าที่ของผู้นำ
รวมถึงการตัดสินใจในภาวะวิกฤตินั้น ผู้นำจะต้องมีความกล้าหาญในการตัดสินใจ ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกวิพากวิการณ์ ถ้า ณ ตอนนั้นได้ตัดสินใจอย่างดี และเหมาะสมกับเหตุปัจจัยต่าง ๆ แล้ว
5. ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ
ถ้าเราเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เราจะไม่เสียเวลากับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือความสัมพันธ์เชิงลบ เพราะความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีกับใครเลย ความสัมพันธ์เชิงบวก คือความสัมพันธ์แบบถ่อยทีถ่อยอาศัย ส่งเสริมกันและกันให้ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้น ผู้นำที่ดีจะรู้ว่าใครคือผู้ที่เราควรถอยห่าง และใครถือผู้ที่เราควรจะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ยั่งยืนต่อไป
6. ความไม่ซื่อสัตย์
การที่เราไม่ซื่อสัตย์แค่ครั้งเดียว เครดิตที่เราเคยกระทำมาทั้งชีวิตจะพังพินาศไปเลยทีเดียว เรื่องถึงธรรมชาติของข่าว การที่เราไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของการทุจริตเพียงครั้งเดียว ข่าวเสีย ๆ เหล่านี้จะกระพือไปไกลมาก ส่วนข่าวดี ๆ ของเรามักจะไม่ค่อยมีการกล่าวถึงมากเท่าไหร่
ดังนั้น ทำอะไรก็ตามต้องตั้งอยู่บนความซื่อสัตย์ การที่เราได้อะไรมาจากความไม่ถูกศีลธรรม ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ในระยะสั้นเราอาจจะมีความสุข ความพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ แต่ในระยะยาวเราอาจจะเสียใจทีหลังก็ได้ จงระลึกเอาไว้เสมอว่า ความโลภชั่วคราว มันจะทำลายชื่อเสียงชั่วโคตร
7. ความยโสโอหัง
การให้ความเคารพผู้อื่น การให้เกียรติ ถือเป็นมารยาทและสิ่งที่ควรจะปฏิบัติในทุก ๆ สังคม ทุก ๆ วัฒนธรรม ไม่ว่าเราจะทำงานกับคนไทยหรือต่างชาติก็ตาม การที่เราให้เกียรติทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในระดับเหนือกว่าเรา หรือระดับต่ำกว่าเรา การให้เราให้เกียรติเขา ทุกคนก็จะรู้สึกว่าเราเป็นคนน่ารัก น่าคบหา
ยิ่งเราขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งมากเท่าไหร่ ยิ่งเราอ่อนน้อมถ่อมต้น เราก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก ถ้าใครเป็นคนรวยที่ไม่ถือตัว ไม่หยิ่งยโส และพร้อมยื่นมือช่วยเหลือสังคม ทุกคนก็จะให้ความรักและความชื่นชม
ระลึกไว้เสมอว่าตำแหน่งหน้าที่การงาน และยศถาบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ นั้น เป็นเพียงหัวโขนที่เราจะสวมใส่แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น อย่าลืมตัว เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่หมดวาระของเรา เราก็ต้องลงจากตำแหน่งนั้น ถ้าเราไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเคารพเราอยากใจจริง วันนั้นจะไม่มีใครยกมือไหว้เราอีกเลย
8. ขี้กลัว
ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน เราก็ยังคงมีความกลัวอยู่ ในบทบาทของการเป็นผู้นำ การที่เราจะก้าวต่อไปข้างหน้า มันก็ไม่น่าเกลียดที่จะบอกใคร ๆ จริง ๆ แล้วเราก็กลัวอยู่นะ แต่ว่าเราจำเป็นที่จะต้องเอาชนะปัญหาและแก้ไขปัญหานี้ได้ ซึ่งก็ต้องทำทั้ง ๆ ที่กลัวนั้นแหละ ถึงแม้ว่ามันอาจจะสงผลลัพธ์ออกมาได้ไม่ดีเท่าที่เราคาดหวังเอาไว้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำไป คือทำให้ดีที่สุดในจุดที่ยืน
การกล้าตัดสินใจ และก้าวเดินไปข้างหน้า ทั้ง ๆ ที่เรากลัว ก็ยังจะเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทีมงานของเราด้วย
9. ความคิดติดลบ
เราอาจจะเคยเจอคนที่คิดลบ และสามารถด่าว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ ความผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนอื่นทั้งหมด โดยไม่เคยมองเห็นแง่บวกจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเลย ซึ่งคนแบบนี้ก็มักจะไม่ได้มีความก้าวหน้าไปไหน
ซึ่งผู้นำจะต้องหลีกเลี่ยงความคิดติดลบเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด เพราะมันไม่ใช่ความคิดที่ก่อประโยชน์อะไรเลย นอกจากการดึงเอาสิ่งลบ ๆ เข้าสู่ชีวิตและจิตใจของเรามากยิ่ง
รวมถึง เราควรที่จะถอยห่างจากคนที่มีความคิดลบ ๆ เพื่อไม่ให้ความรู้สึกนึกคิดของบุคคลเหล่านี้ เข้ามาเจือปนอยู่ในอารมณ์และความรู้สึกของเรา
10. ไม่คงเส้นคงวา
ผู้นำต้องมีความตรงไปตรงมา มีความคงเส้นคงวาในความถูกต้อง ที่สะท้อนและแสดงออกมาจากภายในจริง ๆ ถ้าเรามีโอกาสที่จะทำผิดได้ โดยที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น หรือใครมาเอาผิดกับเราได้ แต่เราก็เลือกที่จะไม่ทำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าบารมี ซึ่งจะก่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจใจอย่างลึกซึ้ง ของคนที่เรากำลังทำงานด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 พฤติกรรมที่ผู้นำห้ามทำเด็ดขาด ถ้าเราคิดจะเป็นผู้ประกอบการที่ดี เราต้องย้อนกลับมาสำรวจตัวเองแล้วว่า เรามีอะไรที่ตรงกับ 10 พฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่ ถ้าหากใครมีก็ควรที่จะขจัด ลด ละ เลิก พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์เหล่านี้ รวมถึงถ้าหากใครอยากที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นผู้นำแบบไหน ก็สามารถที่จะไปลงทำแบบทดสอบ Identity Discovery test ได้ที่ https://event.pay4tomorrow.com/identitytest