พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ทำธุรกิจมาหลายอย่างมาก ๆ และได้เรียนรู้ประสบการณ์ทั้งความผิดพลาดและความสำเร็จ ตลอดไปจนถึงผมเองเมื่อได้มาเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับหลาย ๆ คน ก็ได้พบว่าคนทำธุรกิจส่วนใหญ่มักจะเจอกับปัญหาที่เกิดขึ้นคล้าย ๆ กันเสมอ และถึงแม้ว่าบริบทจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่แก่นของปัญหาก็ไม่แตกต่างกัน
ดังนั้น วันนี้ผมจะขอหยิบยกเอา 12 เทคนิคที่จะช่วยลดความเสี่ยงของคนทำธุรกิจ โดยเฉพาะนักธุรกิจหน้าใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นความฝันของตัวเอง และหวังว่ามันจะเป็นสิ่งที่นำพาให้ประสบความสำเร็จ 12 เทคนิคที่เพิ่มโอกาสสำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
1. เริ่มด้วยความรัก แต่ลงมือทำมันด้วยความรู้
มักจะมีการพูดอยู่เสมอว่าการทำธุรกิจต้องเริ่มจากสิ่งที่ชอบ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่แค่ความชอบเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่สามารถพาเราไปสู่เป้าหมายได้ เพราะความสำเร็จจะต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ
- Passion – ความหลงใหลไปกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำ โดยไม่ได้ทำแค่อยากได้เงินเท่านั้น เนื่องจากถ้าเราทำอะไรด้วยความรัก เราจะทุ่มเทในสิ่งนั้น
- Knowledge – หลายคนเริ่มต้นทำธุรกิจโดยปราศจากความรู้ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่เสี่ยงมาก ๆ หลายคนลงทุนโดยยังไม่ได้แสวงหาความรู้ที่เพียงพอ ก็มักจะพบกับความล้มเหลวหรือขาดทุน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะต้นทุนของความไม่รู้มักจะมีราคาแพงเสมอ
- Purpose – เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราจะทำเรื่องนั้นไปทำไม เป้าหมายเราอยู่ที่ไหน ถ้าไปถึงเป้าหมายแล้ว เราตอบได้ไหมว่าเราจะมีความสุขได้มันคืออะไร
2. เลือกธุรกิจที่อยู่ในช่วงก่อนบูม
ควรทำธุรกิจในช่วงก่อนจะบูม หรือก่อนที่จะมีคนลงมาทำเยอะ ๆ เพราะมันจะได้เปรียบ เนื่องจากเป็นช่วงที่คู่แข่งน้อย ยังไม่ค่อยมีคนสนใจทำ รวมถึงตลาดยังเป็นของผู้ขาย ไม่ใช่เป็นของผู้ซื้อ จึงทำให้ไม่มีการกดราคา แต่คนที่จะทำเรื่องนี้ได้ จะต้องมีวิสัยทัศน์ คือคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ
ดังนั้น เราจะต้องไม่ทำธุรกิจที่คาดเดาไม่ถูก เพราะถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อหวย ที่เล่นกันไปตามดวง
3. มีเงินทุนสำรองในการทำธุรกิจ 12 เดือน โดยไม่มีรายได้
การทำธุรกิจเราจะต้องดูว่า ถ้าหากเราไม่มีรายได้เลย เราควรจะมีเงินทุนสำรองอย่างน้อย 12 เดือน ซึ่งหลักในการแบ่งเงินทุนสำรองมีอยู่ 3 ก้อน ดังนี้
- เงินทุนสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในครอบครัว (คำนวณเป็นระยะเวลา 12 เดือน)
- เงินทุนตั้งต้น เราจะต้องมีเงิน 1 ก้อนสำหรับก่อตั้งธุรกิจ
- เงินทุนปฏิบัติการ เป็นเงินที่ทำให้ธุรกิจของเราขับเคลื่อนไปได้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าต้นทุนวัตถุดิบ (คำนวณเป็นระยะเวลา 12 เดือน)
สิ่งเหล่านี้เป็นเงินทุนสำรองที่เราจะต้องเตรียมเอาไว้ โดยเฉพาะถ้าเราเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ เราจะต้องมีรันเวย์ที่ไกล เพื่อจะเผื่อระยะเวลาเอาไว้มาก ในการที่เราจะดำเนินกิจการไปได้จนติดลมบน
4. ศึกษาคู่แข่ง
ก่อนที่จะลงมือทำธุรกิจ จะต้องมีการศึกษาคู่แข่ง ให้ลงไปดูเลยว่าเขาทำอะไร ทำอย่างไร และแก้ปัญหาให้ลูกค้าแบบไหน เพราะหลายคนมักเริ่มต้นการทำธุรกิจด้วยความมั่นใจในตัวเอง แต่ก็อย่าลืมว่า ก่อนที่ลูกค้าเขาจะมาเจอเรา เขาเจอใครมาก่อน ถ้าสินค้าคู่แข่งดีกว่าเรา สุดท้ายเราก็ไปไม่รอด แม้ว่าเราจะบอกว่าสินค้าของเราดีขนาดไหนก็ตาม แต่สินค้าของคู่แข่งก็ดีกว่าอยู่ดี
เวลาผมทำธุรกิจ บางครั้งผมถึงขั้นเสียเงินไปซื้อสินค้าของคู่แข่งมาลองกิน ลองใช้ เลยทีเดียว เพื่อให้เราได้รู้และเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คู่แข่งของเรามอบคุณค่าอะไรให้กับผู้บริโภคบ้าง และถ้าใครทำธุรกิจโดยไม่ศึกษาคู่แข่ง ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคู่แข่ง ผมบอกได้เลยว่ายังไงก็ไม่รอด
5. ให้เวลากับลูกค้า
สำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ จงจำเอาไว้เสมอว่า งานอะไรที่ไม่สำคัญให้คนอื่นทำ ส่วนงานหลักของเราคือการให้เวลากับลูกค้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าพึ่งเอางานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าไปให้ลูกน้องทำ ไม่ว่าจะเป็นขาย งานบริการ หรือบริหารความสัมพันธ์ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรจะโฟกัสมากที่สุด เราจะได้เรียนรู้การทำธุรกิจจากลูกค้า เราจะได้บทเรียน และบททดสอบจากลูกค้า ถ้าเราสอบผ่าน ก็หมายความว่าธุรกิจของเราได้ไปต่อ
6. มีที่ปรึกษา
การทำธุรกิจควรจะมีที่ปรึกษา เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีมุมมองที่แตกต่าง เหมือนกับนักกีฬาที่ลงไปแข่งขันในสนาม สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือโค้ช เพราะที่ปรึกษาจะทำให้มองเห็นได้กว้างมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น บางคนอาจจะลงทุนจ้างที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าใครไม่อยากจ้าง ก็อาจจะลองมองดูรอบ ๆ ตัวเรา ว่าพอจะมีใครที่มีศักยภาพในการเป็นที่ปรึกษาให้เราได้บ้าง บางทีเราอาจจะมีเพื่อน มีรุ่นพี่ ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาก่อนเรา เราควรไปปรึกษาคนเหล่านั้น
หรือแม้กระทั่งเวลาเราไปเข้าคอร์สเรียนสัมมนาต่าง ๆ วิทยากรหรืออาจารย์เหล่านั้น ก็สามารถเป็นที่ปรึกษาให้เราได้ เราสงสัยอะไร ไม่ควรเก็บเอาไว้คนเดียว เพราะการถามคนที่เขามีความรู้ ดีกว่าการที่เราเอาเงินไปลงทุนในตลาดผ่านความไม่รู้…แล้วสุดท้ายก็เจ๊ง
7. ทำสินค้าให้ดี ตีตลาดให้ไว อย่าใช้เวลานาน
ถ้ามีดีอะไร อย่าช้า อย่ารอ ต้องรีบ แล้วเข้าตีตลาดให้ไว เพราะถ้ามัวรอ ดีไม่ดีคู่แข่งอาจจะชิงทำก่อนเราก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ คือความสูญเสียของเราเลยทีเดียว นั้นคือการสูญเสียโอกาสในการที่จะเป็นต้นตำหรับของวงการ หรือแม้แต่ถ้ายังไม่มีคู่แข่งมาชิงตัดหน้าไปก่อน แต่ถ้าเราทำช้าเกินไป จนในที่สุดตลาดวายไปก่อน เราก็ไม่สามารถทำกำไรจากตลาดนั้นได้อีกแล้ว
ยกตัวอย่าง ตอนที่ผมออกหนังสือชื่อ ’Clubhouse Influencers เปลี่ยนคนโนเนม สู่อินฟลูเอนเซอร์’ ก็ถือเป็นการชิงตีตลาดก่อนที่คนอื่นจะขยับทันเช่นกัน จนในที่สุดหนังสือเล่มนี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะ Clubhouse พึ่งจะเข้าไทยไม่ถึง 30 วัน ผมก็ออกหนังสือแล้ว
8. ทำงานที่ทำเงิน
งานไหนที่ไม่ทำเงินอย่าหาทำ ให้จ้างคนอื่นมาทำแทน เพราะยังไงเราก็สู้คนที่มีอาชีพนี้โดยตรงไม่ได้ เช่น การซักผ้ารีดผ้า ถ้าใครเคยทำจะรู้ว่ามันกินเวลาของเราไปเป็นวัน ๆ เลย แต่มันจะดีกว่ามาก ถ้าเราเอางานนี้ไปให้คนที่เขามีอาชีพนี้ทำ แล้วตัวเราก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ซึ่งมันจะช่วยสร้างรายได้คุ้มค่ากับต้นทุนเวลาที่เราเสียไป
ดังนั้น คนที่ทำธุรกิจ ถ้างานไหนที่ไม่ได้ทำเงิน หรืองานไหนที่ประเมินแล้วว่ามันเผาพลาญเวลาไปอย่างไม่คุ้มค่า หรือเมื่อเทียบกับการเอาเวลาของเราไปทำอย่างอื่น เอามีรายได้มากกว่า ก็ให้เราจ้างคนอื่นมาทำแทน เช่น การออกแบบ วางบิล รับเช็ค ส่งของ เราจ้างคนอื่นทำแทนจะดีกว่า
9. ออกไปสร้างเครือข่าย
โรเบิร์ต คิโยซากิ เคยบอกเอาไว้ว่า “การทำธุรกิจคือการเล่นเป็นทีม” ดังนั้น มันจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราทำธุรกิจแบบตัวคนเดียวโดด ๆ ไม่มีทีม ไม่มีเครือข่าย ไม่มีเพื่อน ซึ่งหลาย ๆ คนเวลาทำธุรกิจใหม่ ๆ จะไม่รู้เทคนิคข้อนี้ แล้วก็จะทำธุรกิจอย่างหมกมุ่นมาก ๆ ไม่พบเจอใคร ไม่คุยกับใคร สุดท้ายก็กลายเป็นความเครียด เป็นความกดดัน และหาทางออกไม่ได้ ธุรกิจก็ไม่ดี แถมสุขภาพจิตก็เสียอีกต่างหาก
ดังนั้น เราต้องออกไปสร้างเครือข่าย ไปเจอเพื่อน ไปพบปะกับผู้คน เราก็จะได้พบและได้เรียนรู้หนทางใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจของเรา ผ่านกลุ่มคนเหล่านั้น และจนระลึกเสมอว่า ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหนก็ตาม แต่การทำธุรกิจมันต้องมีเพื่อน
10. ฝึก Pitch 60 วินาที
เราควรที่จะแนะนำธุรกิจของเราให้ได้ภายใน 30 วินาที หรือ 60 วินาที เพื่อให้คนประทับใจ อย่างผมเองก็จะแนะนำธุรกิจให้กับคนที่พึ่งรู้จักว่า…“ผมเป็นนักวางแผนกลยุทธ์ ติดอาวุธให้คนตัวเล็ก เพิ่มแต้มต่อทางธุรกิจ” พอใครได้ฟังเขาก็จะสนใจและอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรืออย่างน้อยก็ฟังแล้วติดหู และจดจำเราได้
ดังนั้น เราจะต้องฝึกเรื่องนี้ให้เก่ง เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมิตรภาพ สร้างโอกาส สร้างเครือข่าย และสร้างการรับรู้ให้กับผู้คน
11. ฝึกพูดต่อหน้าคนเยอะๆ
ผมบอกได้เลยว่า ในวันนี้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว พวกเขาอยากคุย อยากรู้จักกับเจ้าของแบรนด์ที่เป็นคน มากกว่าอยากคุยกับแบรนด์ที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเก็บตัว เป็นคนโลกส่วนตัวสูงแค่ไหน แต่เมื่อคิดจะทำธุรกิจ คุณจะต้องเปิดตัวเอง จะต้องฝึกพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ เพราะสุดท้ายมันก็คือการโปรโมทธุรกิจของเราเอง ยิ่งมีคนรู้จักธุรกิจของเรามากเท่าไหร่ ธุรกิจเราก็จะได้ประโยชน์มากเท่านั้น
12. สร้างความสำเร็จเล็ก ๆ ในทุกวัน แล้วตะโกนคำว่า YES!!!
ในการทำธุรกิจ ถ้าเราไม่เชื่อว่าตัวเองจะชนะ มันก็คือการที่เรายอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว ไม่ว่าเราจะพูด หรือเราจะไม่พูดก็ตาม ไม่ว่าเราจะยอมรับ หรือไม่ยอมรับก็ตาม แต่เราก็ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้วโดยปริยาย
ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะสมองเป็นสิ่งที่ฝึกได้ ถ้าหากเราให้มันบ่อย ๆ มันก็จะทำงานได้ดียิ่งขึ้น นานวันเข้ามันก็จะทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง
ดังนั้น เราจะต้องรู้สึกชื่นชมยินดีในทุก ๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม เช่น เมื่อเราทำงานเสร็จ เราไปส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จ เราทำกับข้าวเสร็จ เราได้กินทุเรียน แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรก็ตาม ให้เราตะโกนบอกตัวเองว่า YES!!! และให้ระลึกเอาไว้ในใจเลยว่าเราคู่ควรกับความสำเร็จนี้
ในข้อนี้หลายคนอาจจะมองว่าไร้สาระ แต่ผมเองได้เคยเข้าร่วมงานสัมมนาต่าง ๆ มามากมาย และได้เรียนรู้หลักการข้อหนึ่งก็คือ เราจะต้องสร้างกระบวนการบางอย่างเพื่อกระตุ้นความมั่นใจให้เกิดขึ้นในตัวเรา และถ้าเราทำสิ่งนี้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ โครงสร้างภายในจิตใจของเรามันจะเปลี่ยนแปลงไป เราจะเป็นคนใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่ดี
และทั้งหมดนี้ก็คือ 12 เทคนิคที่เพิ่มโอกาสสำเร็จให้นักธุรกิจหน้าใหม่ เป็นหลักการง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถเอาไปใช้ได้ทันที ซึ่งจะทำการทำธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน