?เงินไม่ได้ทำเงิน แต่คนต่างหากที่นำเงินมาให้? เคล็ดลับที่ทำให้คุณดึงดูดเงินจากคนอื่นเข้ามาสู่ตัวคุณได้แบบ in Flow ทำไม่ยากครับ มีอยู่ ?3 ข้อ

1. เข้าใจตัวเอง ปัจจุบันมีหลายศาสตร์มากที่สอนเรื่องการเข้าใจตนเอง ?แต่สิ่งที่ Wealth Dynamics แตกต่าง คือ คุณต้องทำความความเข้าใจก่อนว่าคนเราไม่เหมือนกันตามธรรมชาติ แต่ละคนมีจุดแข็งและอัจริยะแตกต่างกัน ซึ่งตามศาสตร์ของ Wealth Dyanamics แบ่งคนออกเป็น 8 แบบ แต่ละแบบมีวิธีการทำงานที่มีความถนัดอย่างชัดเจน และ Wealth Dyanamics ?ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การรู้จักตัวเอง แต่สิ่งสำคัญ คือ การเชื่อมโยงไปถึงการทำธุรกิจ ก่อนที่คุณจะทำธุรกิจ คุณต้องรู้จักตัวเองก่อน หลังจากนั้นคุณจะสามารถเลือกได้ว่างานใดบ้างที่คุณอยากทำ และทำได้ดี และงานใดบ้างที่คุณจะเลือกไม่ทำ หรือส่งให้คนอื่นทำ เพราะมีคนอื่นที่สามารถทำได้ดีกว่า

2. เข้าใจทีมงาน ผู้ประกอบการหลายคนที่ผมเจอยังติดทำงานเองคนเดียว คือ ไม่ไว้ใจทีมสุดท้ายก็ไม่สามารถปล่อยมือได้ เหนื่อยอยู่คนเดียว เมื่อเข้าใจตัวเองแล้วว่าเราถนัดด้านใด เราก็ต้องรู้ด้วยว่า แล้วคนของเราล่ะ? เขาถนัดด้านใด เราควรจ่ายงานให้เหมาะสมกับจุดแข็งและความถนัดของทีมงานได้ถูกคน แล้วทีมของคุณจะทำงานสนุกมากขึ้น ผลลัพธ์ คือ งานเสร็จเร็ว มีประสิทธิภาพ ต้นทุนลดลง ยอดขายเพิ่มขึ้น

3. เข้าใจลูกค้า ถ้าคุณรู้ว่าลูกค้ามีความถนัดด้านใด และไม่ถนัดด้านใด คุณก็จะรู้ว่ามีวิธีไหนบ้างที่ทำให้สินค้าหรือบริการของคุณจะสามารถช่วยให้ลูกค้าทำงานได้ดีขึ้น และยังสามารถนำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของลูกค้า ?สิ่งนี้สำคัญมากนะครับ ผมบอกได้เลยนะครับถ้าคุณไม่สามารถเข้าใจลูกค้าได้อย่างแม่นยำ คุณจะตามหลังคนอื่นและจะต้องเป็นฝ่ายที่วิ่งหาลูกค้า แต่ถ้าคุณเข้าใจลูกค้า ลูกค้าจะเป็นคนวิ่งมาหาคุณเองนะครับ

เมื่อคุณเข้าใจตัวเอง เข้าใจทีมงาน และเข้าใจลูกค้า 3 สิ่งนี้มาเจอกันแล้ว

จุดสมดุลของความพอดีอยู่ตรงไหน?

แล้วจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นถ้าคุณไม่รู้ 3 สิ่งนี้ ? มาดูกราฟด้านล่างนี้นะครับ

วงกลมวงที่ 1 หมายถึง ตัวคุณ

วงกลมวงที่ 2 หมายถึง ทีมงาน

วงกลมวงที่ 3 หมายถึง ลูกค้า

Wealth Dynamics ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ใน Flow ?และจุดที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องการก็คือ จุดที่อยู่ตรงกลางตรง เราเรียกว่า ?Sweet Spot? ?คือจุดสมดุลที่คุณก็มี Natural Talent ตาม Flow ?เป็นสิ่งที่ทำได้ดีเป็นธรรมชาติ แล้วก็สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ และทีมงานของคุณก็ควรมี Natural Talent ?ที่คล้ายคลึงกันแล้วก็สามารถส่งมอบสิ่งนี้ให้กับลูกค้าของคุณได้ด้วยเช่นเดียวกัน นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดแล้วก็ดีที่สุด

แล้วที่เหลืออีก 3 จุดล่ะ มันคืออะไร มาดูกันครับ

จุดที่ 1 จุดตัดระหว่างลูกค้ากับตัวคุณ

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ก็คือ Loss time หรือสูญเสียเวลา ?คือ การทำธุรกิจแบบไม่มีทีม หรือมีแต่ทีมไม่สามารถทำหน้าที่แทนคุณได้ แล้วตัวคุณก็จะต้องโชว์เดี่ยว คือ ทำงานคนเดียว แบบไม่ไว้ใจใคร ?ปัญหานี้เป็นเรื่องหน้าเศร้าของผู้ประกอบการ ผมเจอผู้ประกอบการมีความสามารถหลากหลายนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า ลูกค้ามาใช้บริการและซื้อสินค้าเยอะมาก แต่ทำไม่ทัน เพราะไม่มีทีม มีเงินแต่ไม่มีเวลา ใครเป็นเหมือนข้อนี้บ้างครับ

จุดที่ 2 จุดตัดระหว่างตัวคุณกับทีมงาน

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ คือ Loss communication หมายความว่าถ้าตัวคุณกับทีมงาน มีทักษะบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หมายความว่าคุณลืมที่จะสื่อสารให้กับคนในทีมว่า เราจะส่งมอบคุณค่าอะไรให้กับลูกค้า ปัญหา คือ คุณและทีมจะนำเสนอสิ่งที่ตัวเองอยากได้ไปให้ลูกค้า มากกว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ลูกค้าไม่อยู่กับคุณแน่นอนครับ เขาก็ต้องไปหาคนอื่นที่มีสินค้าและบริการใกล้เคียงกับคุณ แต่สามารถดูแลและเข้าใจเขาได้มากกว่าคุณ

จุดที่ 3 จุดตัดระหว่างลูกค้ากับทีมงาน

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ คือ Loss control จุดตรงนี้หมายความว่า เป็นสิ่งที่ลูกค้าคุณต้องการ และทีมงานคุณทำได้ แต่ว่าตัวคุณไม่มีทักษะในการส่งมอบคุณค่า คุณอาจจะคิดว่า เป็นการสูญเสียการควบคุม แต่จริงๆแล้วนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ที่ให้คุณสามารถปล่อยมือ แล้วไปทำอย่างอื่นที่คุณอยากทำได้

เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการค้นหาว่าอะไร มันคือ สิ่งสำคัญที่สุดในบริษัทของคุณต่างหาก ที่คุณจะสามารถที่จะส่งมอบได้โดยใช้ Natural Talent ของคุณ ถ้าคุณหาความสมดุลเจอ ธุรกิจคุณก็จะอยู่ใน Flowมีเวลามากขึ้น ทีมงานคุณทำงานแล้วมีอารมณ์แจ่มใส ทำงานอย่างมีความสุข แล้วก็รวมถึงลูกค้าคุณมีความสุขจากการที่ทีมงานของคุณมีความสุขในการส่งมอบให้กับลูกค้า และที่สำคัญมีรายได้ที่มากขึ้น

สำหรับใครที่อยากให้ท่านสื่อสารออกไปกับทีมงาน กับบริษัทของคุณ กับหุ้นส่วนของคุณ ว่าอยากจะมีธุรกิจที่อยู่ Flow ผมอยากให้เชิญชวนทุกท่านนะครับลองกลับไปคุยกับทีมงานให้ไปทำเทสใน www.millionairemasterplan.com/th แล้วคุณจะเข้าใจว่า Natural Talent ของแต่ละคนแตกต่างกันอย่างไร