พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
หลายคนไม่ได้เกิดมาพร้อมกับการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ผิดกับอีกหลาย ๆ คนที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งพวกเขาจะมีไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าหากใครที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ก็อาจจะคิดหาวิธีในการสร้างความสามารถนี้ขึ้นมา เพราะเรื่องของความคิดสร้างสรรค์นั้นมีประโยชน์มาก เพราะความคิดสร้างสรรค์คือเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และใช้ทรัพยากรน้อยลง
ดังนั้น เราจะมาดูกันว่า 7 วิธีง่าย ๆ ช่วยให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์ มีอะไรบ้าง
1. Try to do new things ทดลองสิ่งใหม่ทุกครั้งที่มีโอกาส
ถ้าทุก ๆ วันเราทำแต่สิ่งเดิม ๆ มันจะกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน ซึ่งบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วในการที่เราทำงานแบบเดิม ทำเรื่องเดิม ๆ เพราะเป็นสิ่งที่เราเคยทำ เป็นสิ่งที่มีความปลอดภัย เป็นเรื่องที่ไม่มีความเสี่ยง แต่ถ้าเรามองในเรื่องของการฝึกความคิดสร้างสรรค์นั้น การที่เราทำเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ จะทำให้สมองส่วนอื่นของเราไม่ค่อยได้ใช้งาน การกระตุ้นเชื่อมโยงเซลล์ประสาทต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้น
ดังนั้น เราจะต้องมีการกระตุ้นเซลล์ประสาทของเราด้วยการ Breaking pattern หรือการลองทำในสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเป็นการบริหารสมองของเรานั้นเอง
2. Teach people สอนและให้ความรู้ผู้คน
การที่เราสอนผู้อื่น คือการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง เพราะเราจะต้องมีการทบทวน และประมวลความรู้ เพื่อเอามาอธิบายใหม่ให้คนอื่นเข้าใจ รวมถึง ในการสอนนั้นเรายังจะได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ของผู้คนต่าง ๆ อีกมากมาย ไปพบเจอกับปัญหาที่คนเข้ามาขอคำแนะนำปรึกษาเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะทำให้เราเกิดการเรียนรู้แบบก้าวกระโดด หรือที่เรียกว่า Accelerate learning
เพราะจริง ๆ แล้วความคิดสร้างสรรค์นั้นอาจจะไม่ใช่การค้นพบเรื่องใหม่ เพียงแต่เป็นการเอาความรู้เดิมหลาย ๆ เรื่องมาต่อยอดเป็นเรื่องใหม่ ก็ถือเป็นความคิดสร้างสรรค์แล้ว รวมถึงการที่เราไปสอนคนอื่น จะทำให้เราได้ทบทวนความรู้ที่เรามี ทำให้เราได้สำรวจตัวเองว่าเรามีความรู้ความเข้าใจเรื่องใดบ้าง และยังทำให้เราได้มีโอกาสส่งมองสิ่งดี ๆ ที่ให้กับผู้อื่น และผู้คนก็ยังจะรับรู้ว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่เราได้สอนให้กับเขา
3. Read different book อ่านหนังสือ เรียนรู้ ความรู้นอกแนว
อ่านหนังสือใหม่ ๆ แปลก ๆ ซึ่งไม่ใช่ประเภทหนังสือที่เราอ่านประจำ เช่น ถ้าเราเป็นสถาปนิก ถ้าเราอ่านหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบอย่างเดียว บางทีเราก็จะอยู่กับเรื่องเดิม ๆ ก็จะทำให้ไม่มีไอเดียใหม่ ๆ แตกแขนงออกไป เพราะการอ่านหนังสือเดิม ๆ จะไม่ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Lateral thinking หรือการคิดแบบเชื่อมโยงความรู้ที่อยู่คนละแขนง
4. See new people ออกไปเจอผู้คนในสังคมใหม่ ๆ
การที่พบเจอกับผู้คนในสังคมใหม่ ๆ หมายถึงการที่เราหลุดออกไปจากโลกใบเดิม จากวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ เพราะคนใหม่ ๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เราจะมองโลกแตกต่างไปจากเดิม การที่เราได้เปิดโลกทัศน์หรือมุมมองใหม่ ๆ นั้นก็คือสิ่งที่ทำให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้เช่นกัน เพราะเราไม่ได้ปิดกั้นตัวเองให้อยู่ในโลกใบเดิมที่เราเคยชินอีกต่อไป
วันนี้ เราควรที่จะต้องมองหาวิธีการ หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อว่าเราจะสามารถไปเจอกับผู้คนในสังคมใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เพราะโลกวันนี้ เป็นโลกแห่งการสื่อสารไร้พรมแดน การที่เราจะไปพบปะกับผู้คนในสังคมใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก
5. Collaborate with talent ทำงานร่วมกับคนที่มีความสามารถ
การที่เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้อื่น ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก โดยเฉพาะการได้ร่วมงานกับบุคคลที่มีความสามารถ เพราะเราจะได้เรียนรู้ ได้ดูวิธีการทำงาน และวิธีการแก้ปัญหาของเขา ซึ่งเป็นการเห็นของจริงแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่มีการตัดเติมเสริมแต่งใด ๆ เพราะในจุดนั้นถือเป็นจุดที่อยู่ใกล้ชิดที่สุดในการแก้ไขปัญหา
เราจะรู้ว่าคนที่เราทำงานด้วยนั้นเขาเก่งหรือไม่เก่ง โดยดูที่วิธีการแก้ไขปัญหาของเขา ดูว่าเขาสามารถตอบสนองกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไร เขามีอารมณ์และมีความรู้สึกแบบไหน และเราจะสามารถลองเลี่ยนแบบในสิ่งดี ๆ เหล่านั้น ตลอดจนนำมาต่อยอดเป็นเทคนิคของตัวเองได้
6. Taking note จดความคิดที่แล่นเข้ามาทันที
สมองมีไว้คิด แต่สมุดมีไว้จด เพราะความคิดบางอย่างมันเกิดขึ้นมาในหัวของเราแค่เสี้ยววินาที และถ้าเราไม่จดบันทึกเอาไว้ เราก็จะลืมเลือน และไอเดียดี ๆ ก็จะจางหายไปในอากาศ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่จะใช้การจดบันทึกอยู่เสมอ ๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้ง ที่จดไอเดียบางอย่างเอาไว้ และได้กลับมาอ่านข้อความนั้นอีกครั้ง เราจะรู้สึกได้เลยว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก และทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย
ซึ่งใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ เราจะเห็นได้ว่าทุกคนต่างจะมีเครื่องมือจดบันทึกอยู่ใกล้ ๆ ตัวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพวกนักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง ดังนั้น ถ้าเราอยากจะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เหมือนกัน เราเองก็จะต้องฝึกที่จะจดบันทึกไอเดียเอาไว้ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น มันจะลืมอย่างแน่นอ
7. Surrounded by creative ล้อมรอบตัวเองกับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และพลังงานสูง
ในบางครั้งคนที่มีความคิดสร้างสรรค์อาจจะดูเหมือนคนเพ้อฝัน แต่เราก็ไม่ควรที่จะไปตัดสินใจคนเหล่านี้ว่าสิ่งที่เขาคิดมันเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่เราได้ไปอยู่ท่ามกลางคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เราก็ได้ประโยชน์แล้ว เพราะพวกเขาจะพาเราให้ลองมองในมุมมองใหม่ ๆ ที่คนอื่นอาจจะไม่มองกัน ซึ่งมันก็เป็นการกระตุ้นสมองของเราให้คิดต่อยอดด้วยเช่นกัน
ซึ่งทุกวันนี้ความคิดสร้างสรรค์อาจจะไม่ใช่การคิดค้นขึ้นใหม่ แต่สามารถเกิดจากการต่อยอดความคิดเดิมได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เราควรกระตุ้นเสมองของเรา ด้วยการไปอยู่กับคนที่มีคิดสร้างสรรค์และพลังงานสูง
และทั้งหมดนี้คือ 7 วิธีง่าย ๆ ช่วยให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เราสามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้ โดยอาจจะลองเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองก่อน ส่วนใครอยากจะรู้จักเบื้องลึก หรือความถนัด ตลอดจนวิธีการสร้างสรรค์ของตัวเองมากขึ้น ก็สามารถกดเข้าไปดูได้ที่ https://event.pay4tomorrow.com/identitytest