คุณเคยเป็นเหมือนกันไหม? เวลาใกล้สิ้นปี หลายคนไปหาหมอดู เพื่อต้องการรู้ชีวิตในปีหน้า แต่คุณรู้ไหมว่า 80-90% หมอดูทำนายอดีตแม่นกว่าอนาคต เพราะผมเชื่อว่าเราทุกคนสามารถกำหนดชีวิตของตัวเราเองได้ ดังคำกล่าวของขงเบ้งที่ว่า “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน”
และนี่เองเป็นเหตุผลที่หากคุณได้อ่านบทความเรื่อง Future Vision นี้แล้ว คุณจะได้เห็น วิธีคิด และ วิธีการ ของการกำหนดอนาคตชีวิตของตัวเอง ไม่เหมือนกับการเขียนฝันตั้งเป้าหมาย หรือดรีมบอร์ดทั่วๆไป ที่เราเคยทำกันช่วงสิ้นปี มาดูกันครับว่าแตกต่างอย่างไร
1.ความลับคนประสบความสำเร็จ
===ความลับอันยิ่งใหญ่ของคนที่ประสบความสำเร็จบนโลก===
คือ “การมีภาพในอนาคตที่ชัดเจน” คนทั่วไปตั้งเป้าหมายต้นปีเพื่อที่จะลืมทำตอนปลายปี และพอนึกขึ้นได้ก็ลุกขึ้นมาตั้งเป้าหมายใหม่ ชีวิตจึงไม่ไปไหน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีหลายคนก็ยังอยู่ที่เดิม แต่สิ่งสำคัญคือ ถ้าคุณอยากเป็นคนที่ตัวใหญ่ขึ้น เก่งขึ้น และประสบความสำเร็จ คุณต้องเริ่มวาดภาพในอนาคตของตัวเองออกมา และนี่คือ “พิมพ์เขียว” ในชีวิตของตัวคุณ ว่าจะออกแบบเส้นทางชีวิตอย่างไร ใครก็ตามที่ได้รู้เคล็ดลับข้อนี้ และได้ลงมือทำ คุณจะเห็นภาพในอนาคตอีก 1 ปีข้างหน้า คุณจะมองเห็นเลยว่าการใช้ชีวิตแบบมีเข็มทิศหรือแผนที่นำทาง กับการใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์มันต่างกันยิ่งนัก
#ตัวอย่างที่เขียนจนเป็นจริง
เคสตัวอย่างของผมเอง ผมได้เขียน Future Vision เมื่อปีทีแล้ว และมันเป็นจริงโดยที่ผมเองก็ยังแปลกใจ ช่วงเวลาสิ้นปี 2557 ผมเขียนไว้ว่า ผมต้องการแปลหนังสือ The Millionaire Master Plan ให้เป็นภาษาไทย ซึ่งผมรู้ว่าการที่จะซื้อลิขสิทธิ์หนังสือมาได้นั้น ต้องมีเงินทุนจำนวนมาก ตอนที่ผมเขียนความฝันข้อนี้ ผมไม่มีเงินที่จะซื้อลิขสิทธ์ด้วยซ้ำ ไม่มีเงิน ไม่รู้ว่าจะทำมันออกมาได้อย่างไร แต่เมื่อผมเขียนว่ามันจะต้องเกิดขึ้น และความจริงที่ทำให้ผมขนลุก คือ ผมได้แปลหนังสือนี้ เร็วกว่าระยะเวลาที่ตั้งไว้ The Millionaire Master Plan ถูกแปลเป็นไทยว่า แผน 9 ขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี โดยความช่วยเหลือของสำนักพิมพ์ Stock2Morrow ที่เขามองเห็นว่าเล่มนี้เนื้อหามันดีมาก สุดท้ายผมไม่ต้องลงทุนซื้อลิขสิทธิ์หนังสือเองด้วย ผมทำให้หนังสือที่เป็น New York Time Bestseller กลายเป็น Thailand Best Seller ภายใน 2 สัปดาห์!
#ตัวอย่างที่เขียนจนเป็นจริง
มีเคสตัวอย่างที่เป็นนักเรียนในคลาสของผม เขาเขียน Future Vision จนประสบความสำเร็จ ผู้ชายคนนี้ทำงานเป็นวิศวะกรโรงงานชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม.เขาได้เขียนและแปะ Future Vision ไว้ที่บ้านในมุมที่มองเห็นได้ นอกจากอาชีพวิศวะกร เขามีงานอดิเรก คือ วิ่งมาราธอน และความใฝ่ฝันของนักวิ่งหลายๆคน คือ งานวิ่ง โตเกียวมาราธอน ซึ่งยากมากๆๆ ที่จะมีโอกาสได้รับการคัดเลือกเข้าไปวิ่งในรายการนี้ ?แต่เขาได้เขียนสิ่งนี้ลงไปใน Future Vision ไม่น่าเชื่อเวลาไม่ถึง 3 เดือน ใบสมัครที่ส่งไปได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 30,000 คน จากผู้สมัครทั้งหมด 300,000 คนทั่วโลก และทุกวันนี้เขาลาออกจากงานประจำ และทำธุรกิจตามที่ตั้งใจไว้ เหมือนที่เขียนไว้ใน Future Vision ไม่กี่เดือนก่อน คุณรู้สึกตื่นเต้นเหมือนผมแล้วหรือยัง
มาเริ่มไปพร้อมกัน
อย่างแรกเลย คือ เห็นเส้นทางชีวิตของตัวเองใน 1 ปีข้างหน้า สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ไปถึงฝันในแต่ละไตรมาส หรือในแต่ละเดือนมีอะไรบ้าง และเป็นเครื่องมือตรวจสอบตนเองว่าคุณได้พาตัวคุณเองเดินมาไกลถึงจุดไหนแล้ว หรือยังอยู่ที่เดิม การพัฒนาตัวเองให้ตรงตามความฝัน
2.วางแผนชีวิตต้องครบทุกมิติ
คุณต้องทำให้ครบทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่เรื่องเงิน งาน ครอบครัว สุขภาพ ฯลฯ
การประสบความสำเร็จมันไม่ใช่แค่คุณมีเงินเพิ่มขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น คนเราต้องการ การเติมเต็มทั้งในเรื่องวัตถุและจิตใจ แบ่งเป็น มิติแต่ละด้าน 9 ข้อ ดังนี้
2.1กระแสเงินสด และสินทรัพย์ของฉัน ให้คุณจินตนาการและเขียนมันออกมาว่าคุณมีรายได้เท่าไหร่ต่อเดือน ที่คุณพึงพอใจกับมันจริงๆ ถ้าคิดไม่ออกก็เงินจำนวน ที่คุณจะเลี้ยงดูครอบครัวคุณได้แบบไม่ต้องกังวล ถ้ามีหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ ให้เขียนลงในข้อนี้ ถ้ายังไม่มี แต่คุณต้องการมัน ก็เขียนไปเลยว่า คุณมีพอร์ตหุ้นเท่าไหร่ มีอสังหาฯกี่ที่ มีบ้านของตัวเองแล้ว และสิ่งนี้มันสร้างผลตอบแทนที่คุณต้องการเท่าไหร่
2.2เวลาของฉัน ถามตัวคุณเองดูว่าทุกวันนี้เราต้องการเวลาเพิ่มไหม หลายครอบครัวทำงานหนัก ไม่ได้เจอหน้าลูก บางคนอยากมีเวลาอยู่กับพ่อ แม่ แต่ด้วยภาระหน้าที่ทำให้มันเป็นไปได้ยากเหลือเกิน ที่จะให้เวลากับพวกเขาอย่างเต็มที่ หลายๆคนต้องรีบกลับมาทำงานเพราะวันลาหมด ลองเขียนจากใจดูว่าถ้าคุณมีเวลาเพิ่มขึ้น คุณจะใช้เวลากับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ และคุณรู้สึกอย่างไร
2.3งาน/ ธุรกิจของฉัน ถ้าคุณมีธุรกิจอยู่แล้วเขียนไปเลยว่าปีหน้าธุรกิจคุณเติบโตขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ยอดขายเติบโตขึ้นเท่าไหร่จากปีก่อน ถ้ายังไม่มีเขียนออกมาว่าคุณอยากทำธุรกิจอะไร ขายสินค้าอะไร หรือหน้าที่การงานของคุณได้เลื่อนขั้นในตำแหน่งไหน เขียนให้รู้สึกว่าถ้าฉันได้ทำสิ่งนี้ ชีวิตฉันเปลี่ยนแน่นอน
2.4ทีมงาน และลูกค้าของฉัน หลายคนทำงานแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เหนื่อยอยู่คนเดียว ถ้าไม่มีคุณงานไม่เดิน จะดีกว่าไหม ลองตั้งเป้าดูว่าปีหน้าคุณจะทีมงานเข้ามาช่วย งานคุณเดินหน้าได้มากขึ้นกว่าเดิม คุณเองเหนื่อยน้อยลง สำหรับใครที่มีทีมงานอยู่แล้ว ระบุให้ชัดขึ้นเลย ปีหน้าอยากได้ทีมงานเป็นคนแบบไหน มีนิสัยอย่างไร เก่งเรื่องอะไร และพวกเขาเข้ามาช่วยงานคุณได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน ในส่วนของลูกค้า ลูกค้าที่ไม่เหวี่ยงวีน ลูกค้าที่จงรักภักดี พร้อมจะจ่ายเงินให้กับสินค้าและบริการของคุณก็มีอยู่จริง จินตนาการถึงพวกเขาว่าคุณอยากได้ลูกค้าเจ๋งๆ ในข้อนี้คุณจะเขียนถึงพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของคุณด้วยก็ได้
2.5สุขภาพของฉัน การเขียนถึงสุขภาพตัวเองเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม สุขภาพที่ดี คือ กำลังสำคัญที่ทำให้คุณทำความฝันได้สำเร็จ เขียนถึง 6 Pack ที่ใฝ่ฝันไว้ หรือน้ำหนักที่หายไป รอบเอวที่ลดลง เขียนบรรยายความฟิตปั๋งของร่างกายที่คุณต้องการออกมา เป็นหน่วยระบุชัดเจนลดลงกี่กก. หรือจะเขียนว่าได้ออกวิ่งมาราธอนก็ได้ อยากได้สุขภาพที่ดีคุณกำหนดได้
2.6ครอบครัวของฉัน เป็นอีกข้อที่สำคัญ Passion ของคนจำนวนมาก เริ่มจากครอบครัว คลองคิดดูว่า ถ้าสิ่งที่คุณคิดมันสำเร็จแค่ 10% ครอบครัวคุณจะมีความสุขแค่ไหน และถ้าสำเร็จเกิน 50% คุณจะยิ้มได้กว้างขนาดไหน อย่าลืมว่าหน่วยของครอบครัวเป็น หน่วยเล็กที่ทรงพลังมากที่สุด ถ้าข้างในคุณเติมเต็ม ข้างนอกคุณก็ดีตาม
2.7เพื่อนของฉัน เพื่อนที่คุณมีอยู่ ดึงดูดให้คุณสำเร็จได้ไหม ถ้ายังไม่ได้ คุณต้องการรู้จักใครเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ อาจจะเป็นคนเก่งๆ ที่คุณแอบปลื้ม แล้วอยู่ดีๆ คุณกับเขากลายเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณ มันดีไหมละ ลองถามใจตัวองดู แล้วเขียนลักษณะ หรือระบุชื่อเพื่อนที่คุณต้องการออกมา
2.8 Passion ของฉัน อะไรคือ สิ่งที่คุณรัก และคุณสามารถทำเงินออกมาได้ อ่านมาถึงข้อนี้อย่าเพิ่งตกใจ สำหรับบางคนที่ไม่รู้ว่าแล้ว Passion มัน คือ อะไร เคล็ดง่ายๆ ของข้อนี้ คือ กิจกรรมอะไรที่คุณอยากทำมัน และมีคามสุข ในช่วงที่ทำอยู่แม้จะไม่ได้เงินแต่คุณก็ยังมีความสุข บางคนมี Passion ในการปั่นจักรยาน ?การเดินทางไปท่องเที่ยว การสอนหนังสือ การเป็นวิทยากร การเข้างานสัมมนาเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือบางคนอยากทำให้ครอบครัวมีความสุข สิ่งเหล่านี้เป็น Passion ได้หมด และ Passion ไม่ได้มีแค่ 1 อย่าง มีหลายอย่างก็ได้ เขียนออกมาและดูว่าอะไรที่สามารถทำเงินให้คุณได้บ้าง ถ้าคุณเจอแล้ว มันเยี่ยมยอดมาก
2.9การช่วยเหลือสังคม ข้อสุดท้ายให้คุณคิดว่า เมื่อความสำเร็จที่คุณต้องการมันเดินทางมาครบหลายมิติ คุณได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการ และตามหา มาตั้ง 8 ข้อ ว้าว! มันช่างเป็นปีที่ยอดเยี่ยม ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเป็น ผู้ให้ คุณอยากช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีการใด ช่วยแบบไหน ช่วยอย่างไร ในวันที่คุณเติมเต็มในทุกๆด้าน
3.ให้คะแนนความฝัน
ช่วงให้คะแนนความฝัน 1-10
หลังจากเขียนเสร็จแล้ว กลับไปอ่านดูว่ามันสร้างแรงบันดาลใจ ให้ตัวคุณเองขนาดไหน ถ้าคุณเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้ และกำลังนั่งดูหนังเรื่องนี้อยู่ คุณจะให้คะแนน 1 – 10 ที่เท่าไหร่? วิธีวัดง่ายๆ คือ คุณตื่นเต้นไหมตอนอ่าน อ่านแล้วรู้สึกตื้นตันใจ มีความรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆไหม ทำไมความฝันนี้มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ผมจะบอกคุณว่าอย่าไปกังวลว่าจะทำได้ไหม #วิธีการมันจะมาเอง ถ้าคุณชัดเจนว่านี้มัน คือ ความฝันของคุณจริงๆ แต่ถ้าคะแนนที่คุณให้ไม่เต็ม 10 คะแนน ตรวจสอบดูว่าคะแนนที่หายไป อยู่ตรงไหน? และกลับไปแก้ไขจนคุณรู้สึกว่าฝันของคุณครบ 10 คะแนน
อย่าลืมว่านี่เป็นความฝันของคุณเอง ถ้าคุณไม่กล้าฝัน โลกแห่งความจริงก็จะไม่ปรากฏ เมื่อคุณกล้าเขียน คุณกล้าที่จะเชื่อ แม้คุณจะไม่รู้วิธีการหรอกว่าจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไรตอนนี้ แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องได้ ขอเพียงแค่ “เชื่อ” เคล็ดลับข้อนี้สำคัญมาก คนสำเร็จบนโลกทุกคนรู้เคล็ดลับข้อนี้ ขอเพียงแค่คุณลงมือทำทันที และแปะมันไว้ในที่ที่มองเห็นได้ มันจะดึงดูดสิ่งที่คุณต้องการเข้ามา ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความชัดเจนที่คุณเขียน
แต่หลายคนมักไม่ใช้ชีวิตแบบไม่มีความชัดเจน ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถ้าคุณพยายามทำตัวเป็นอะไรก็ได้ เพื่อคนอื่น ในไม่ช้าคุณจะถูกลืม ขอให้คุณเริ่มต้นชัดเจนกับเส้นทางของชีวิตตั้งแต่วันนี้ และสำหรับใครที่อยากรู้หาหนทางว่า คุณค่าของตัวเอง