Richard Branson หรือ ริชาร์ด แบรนสัน หนึ่งในธุรกิจระดับตำนานที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และเป็นไอดอลที่หลายคนอยากไปให้ถึงจุดเดียวกัน
ริชาร์ด แบรนสัน เป็นตัวอย่างของคนที่เรียนไม่เก่ง อีกทั้งในวัยเด็กเขามีความบกพร่องในการเรียนรู้หรือโรค Dyslexia แต่เมื่อเติบโตขึ้นมากลับประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Virgin Group ที่มีธุรกิจมากมายในเครือ ที่สร้างชื่อให้กับเขาได้แก่ Virgin Record, Virgin Atlantic และบริษัทน้อยใหญ่อีกมากมายที่กระจายไปทั่วโลก รวมกว่า 400 บริษัท มูลค่าโดยประมาณน่าจะทะลุ 4.9 พันล้านเหรียญ หรือกว่า 170,000 ล้านบาทไปแล้ว!
400 บริษัทต้องขยันแค่ไหน?
ในความคิดของคนทั่วไปย่อมคิดว่า ?ไม่มีทางเป็นไปได้เลย? คน ๆ เดียวจะสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร?
หากนำความคิดนี้มาอ้างอิงกับหนังสือ ?Millionaire Master Plan แผน 9 ขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี? ที่เขียนโดย Roger James Hamillton?โดยแบ่งคนออกเป็น 9 ระดับสีโดยเรียกว่า Wealth Spectrum
โดยคนที่อยู่ใน Wealth Spectrum ล่าง ๆ เป็นกลุ่ม The Foundation มี 3 สี ได้แก่ คนระดับสี ใต้สีแดง (Infrared), สีแดง (Red), และสีส้ม (Orange) โดยคนในระดับนี้เป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ หาเงินวันต่อวัน ไม่เหลือเก็บ และอาจเป็นหนี้ จึงมีโอกาสที่จะมองเห็นความเป็นไปแบบวันต่อวัน รับรู้เพียงว่า เงินหายาก ต้องแลกมาด้วยการทำงานหนัก และไม่สามารถผ่อนแรง หรือ Leverage งานของตัวเองให้เกิดรายได้หลายช่องทาง — นี่จึงเป็นสาเหตุที่คนจำนวนไม่น้อย นึกภาพไม่ออกว่า คน ๆ เดียวจะมีหลายร้อยกิจการได้อย่างไร?
ริชาร์ด แบรนสัน มี Wealth Spectrum สีอะไร?
ริชาร์ด แบรนสัน อยู่ในกลุ่มสูงสุด?เรียกว่า Alchemy กลุ่มนี้เป็นบุคคลที่อยู่ใน Wealth Spectrum สีคราม (Indigo), สีม่วง (Violet), และสีเหนือม่วง (Ultraviolet) โดยเขาเข้าสู่ระดับสีเหนือม่วง หรือเศรษฐีระดับตำนาน ชื่อของเขาจะถูกจารึกบนโลกไปอีกยาวนาน และแม้วันหนึ่งตัวเขาจะไม่อยู่แล้ว แต่กิจการและแบรนด์ของคนระดับนี้จะไม่หายไปไหน
บุคคลในกลุ่มนี้มีธุรกิจเป็น ?เครื่องจักรทำเงินอัตโนมัติ? แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ และมีหลายธุรกิจในมือ โดยที่ตนเองแทบไม่ได้ต้องลงไปบริหารจัดการใด ๆ และปริมาณเงินที่ไหลเข้ามาอย่างมหาศาลเกินจะใช้ไดทัน เขาจึงใช้เงินนั้นไปปั๊มโมเดลทำเงินอื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้เงินยิ่งเพิ่มพูลเป็นทวีคูณจนหยุดไม่อยู่
เผยความลับ ริชาร์ด แบรนสัน พฤติกรรมเล็ก ๆ สู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่
หลายคนฝันที่จะเป็นมหาเศรษฐีที่มีธุรกิจทำเงินหลายช่องทางโดยที่ตัวเองแทบไม่ต้องทำงาน แต่ความจริงที่ต้องจำขึ้นใจคือ คุณไม่สามารถโกงความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้
ไม่มีใครที่จู่ ๆ จะกระโดดจาก Wealth spectrum สีแดง ไปสู่สี Ultraviolet ได้ และที่ผ่านมาก็มีคนพยายามที่จะทำเช่นนั้นมานักต่อนัก และในที่สุดก็พังพินาศและกลับไปสู่ความยากจนและหนี้ท่วมหัวยิ่งกว่าเดิม อุปมาอุปมัยดั่ง ?สามล้อถูกหวย? รวยไม่นานก็กลับสู่จุดเดิม และการจะร่ำรวยอย่างยั่งยืน คุณต้องมีพลังงานที่สอดคล้องกับระดับใหม่ที่คุณจะก้าวไป
Scott Dinsmore ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์และชุมชนที่มีชื่อว่า Live Your Legend เล่าว่าเมื่อประมาณปี 2011 เขาเคยมีโอกาสได้ร่วมงานรวมตัวผู้ประกอบการระดับโลกและได้พบกับ ริชาร์ด แบรนสัน — และเมื่อถามถึงความลับในการไต่เต้าสู่ความสำเร็จในธุรกิจ เขาให้คำตอบอันแสนเรียบง่ายว่า…
?…Work Out!…?
ที่แปลว่า ออกกำลังกาย — สิ่งที่ Scott Dinsmore เรียนรู้และนำมาต่อยอดความคิดทำให้เขามองเห็นข้อเท็จจริงบางอย่างว่า การออกกำลังกาย เป็นพฤติกรรมแห่งความสำเร็จจริง ๆ เพราะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย และมีชื่อเสียงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น…
Tony Robbins, Brendon Burchard, Barack Obama, George Bush, Stephen Covey, Eckhart Tolle, Simon Sinek, Bill Gates หรือกลุ่มเศรษฐีอีคอมเมิร์ซ Jeff Bezos, Eben Pagan, Noah Kagan, Neil Patel, Leo Babauta, และ Tim Ferriss ฯลฯ
ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุใกล้ หรือเกิน 40 ปีกันไปหลายคน บางคนก็เกิน 50 ปีก็มี แต่พวกเขากลับมีร่างกายที่ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ดูหล่อเท่ห์และภูมิฐาน โดยบุคคลเหล่านี้มีกิจกรรมที่ไม่ละเลยหรือละทิ้งนั่นคือการ Work Out หรือ ออกกำลังกาย
ทำไมการออกกำลังกายทำให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจ
การจะประสบความสำเร็จในอาชีพที่คุณทำ ในกิจการงานที่คุณบริหาร
- คุณต้องการสติปัญญาที่ดี
- ต่อมาคุณต้องการสุขภาพที่ดี
- และคุณต้องสมาธิและวินัย
- นอกจากนั้นคุณยังต้องการบุคคลิคภาพที่ดี
และทั้งหมดนี้ได้มาจากการ ?ออกกำลังกาย? และการออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้คุณเสียวินัยได้มากที่สุด คนจำนวนมากทั่วโลก ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสาขาอาชีพประสบปัญหาในการ รักษาวินัย (Discipline) และ สร้างพลังกระตุ้น (Self Motivation) ในการออกกำลังกาย และสุดท้ายส่งผลเป็นลูกโซ่สู่เรื่องอื่น ๆ ในชีวิต
7 ความคล้ายอย่างน่าทึ่งของการออกกำลังกายและการบริหารธุรกิจ
การสร้างความสำเร็จจากการออกกำลังกายมีหลักคิดและกระบวนการที่คล้ายกับการบริหารธุรกิจอย่างหน้าทึ่ง และคุณสามารถนำทั้งสองนี้มาประยุกต์ต่อยอดซึ่งกันและกันได้
1. เริ่มจากเล็ก ๆ
คุณมีฝันมีไฟ แต่พลังยังน้อยอยู่ คุณต้องเริ่มออกกำลังกายจากเล็ก ๆ และไม่หักโหมเพื่อพาตัวเองเข้าสู่ Flow หรือกระแสของการพัฒนาตัวเอง ธุรกิจก็เช่นกัน เริ่มจากเล็ก ๆ แต่ขอให้ได้เริ่มและได้ทำ
2. เลือกกิจกรรม
ในวันที่คุณยังตัวเล็ก กำลังน้อย ทรัพยากรจำกัด คุณต้องเรียงลำดับกิจกรรมที่จะทำในแต่ละวันเพื่อให้แผนงานและเป้าหมายใหญ่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง คุณอาจกำหนดกิจกรรมการออกกำลังกาย เช่น วันนี้วิ่งและออกกำลังแขน พรุ่งนี้วิ่งและออกกำลังขา มะรืนฟิตเนสและบอดี้เวท ฯลฯ เป็นต้น ธุรกิจก็เช่นกัน แต่ละวันทำอะไรที่จะให้แผนงานของทั้งเดือนสำเร็จพร้อมกันทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทำทุกอย่างพร้อมกันในวันเดียว เพราะคุณจะพัง
3. กำหนดตาราง
ตารางการ Work Out และตารางการทำงาน มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือเพื่อให้คุณลงมือทำในแผนที่คุณจะทำโดยไม่บกพร่อง เป็นการรักษาวินัยและสร้างโมเมนตั้งในการทำงานให้ลื่นไหลและมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย
4. ลงมือทำ และวัดผล
เราคงไม่ต้องอธิบายมากสำหรับคำว่าลงมือทำ แต่ทุกการลงมือทำหากไม่มีการวัดผลคุณจะไม่รู้ว่าที่ทำไปถูกต้องแค่ไหน ได้ผลลัพธ์อย่างไร และจะปรับปรุงอะไรต่อไปได้ คุณต้องวัดผลกิจกรรมที่ลงมือทำเสมอ
5. สร้างทีม
คุณจะเติบโตได้ด้วยการสร้างทีม ทั้งชีวิตส่วนตัว และธุรกิจ — คุณอาจหาเพื่อนร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายใหม่ ๆ จากออกกำลังคนเดียวก็ออกเป็นคู่ และเป็นกลุ่ม คุณอาจพัฒนาสู่การเล่นกีฬา ฯลฯ เช่นเดียวกับธุรกิจ คุณต้องมีทีมเพื่อขยายฐานการทำงานของคุณให้ไปได้ไกลกว่าเดิม
6. เฉลิมฉลอง
ผลลัพธ์ที่เกิดจากความมุ่งมั่นของคุณจะไร้สีสันหากปราศจากการเฉลิมฉลอง จงสร้างการรับรู้ สร้างขวัญกำลังใจ และให้รางวัลกับตัวเองและทีมงานกับทุก Mile Stone ที่คุณฝ่าไปได้
7. ไปให้ไกลกว่าที่เคยไป
อย่าหลงกับความสำเร็จในวันนี้ เพราะทันทีที่คุณหยุดพัฒนาตัวเองคุณจะเดินถอยหลังทันที เมื่อคุณมีรูปร่างที่สวยงาม คุณต้องรักษามันเอาไว้ด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอและดูแลการโภชนาการให้เหมาะสม ธุรกิจก็เช่นกัน คุณไม่อาจคาดหวังที่จะได้ผลลัพธ์ใหม่ ๆ ด้วยการทำสิ่งเดิม ๆ จงพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ หากคุณต้องการไปถึงจุดที่เป็น ตำนาน
สรุป
ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ ทุกความก้าวหน้ามีขึ้นบันไดที่คุณต้องปีนขึ้นไป ขอเพียงคุณเข้าใจลำดับขั้นของการพัฒนาการและรู้ว่าแต่ละขั้นต้องทำอะไรบ้างจึงจะก้าวไปยังขั้นต่อ ๆ ไปได้ คุณก็จะไปได้เร็วขึ้น เรียนรู้แบบเจาะลึกเกี่ยวกับ Wealth Spectrum ที่นี่