ทำไมต้องเปลี่ยนจาก Manual ไปสู่ Automation
คุณเป็นอีกหนึ่งคนใช่ไหมที่ดูแลการตลาดของธุรกิจด้วยตัวคุณเอง หากคำตอบคือใช่ ผมรู้ว่าคุณกำลังประสบปัญหาเวลา 24 ชม.ต่อ 1 วัน ไม่เพียงพอสำหรับคุณ เพราะตั้งแต่คุณตื่นเช้ามา คุณก็ต้องเตรียมตัวไปประชุมกับทีมในตอนเช้า เตรียมวางแผนการทำการตลาด ทำสื่อโฆษณาต่าง รวมถึงคุณยังต้องมาติดตามลูกค้าที่ทักมาสอบถามข้อมูลบริการของคุณอีกด้วย สุดท้ายคือการประเมิณผล KPI ซึ่งทำให้คุณต้องคอยมานั่งรวบรวมผลลัพธ์เพื่อนำมาใช้ในการประเมิณผล
แล้วงานที่มีมากมายขนาดนี้ และเวลาของคุณก็ไม่เพียงพออีก คุณจะรับมือกับมันอย่างไรดี? ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ในที่สุดก็ได้มีคนคิดค้นวิธีการที่จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับปัญหาข้างต้นนี้ได้ วิธีการนั้นก็คือ Digital Marketing Automation
Digital Marketing Automation คืออะไร
Digital Marketing Automation คือการนำเครื่องมือเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์การทำการตลาด ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะสามารถเข้ามาช่วยคุณได้ตั้งแต่ขั้นตอนการหาลูกค้า ดูแลลูกค้า นำเสนอสินค้า รวมถึงปิดการขายได้อีกด้วย Digital Marketing Automation จะทำให้คุณทำงานน้อยลงและมีเวลาให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น ในอนาคตการทำ Digital Marketing Automation จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นคุณคิดว่าคุณจะเริ่มเปลี่ยนมาเป็น Automation ตั้งแต่วันนี้หรืออีก 10 ปี ดีหละ
อ่านแล้วชอบใจจัง
แต่จะเปลี่ยน Manual เป็น Automation ได้อย่างไร
เนื่องด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยี การเปลี่ยนวิธีการทำการตลาดจากแบบ Manual มาเป็น Automation คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการใช้เครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพ 3 ตัว คือ 1. Email Marketing Automation 2. Chatbot 3. Google Drive
1.Email Marketing Automation (Active Campaign)
Active Campaign เป็นแพลตฟอร์มที่มักถูกนำมาใช้ในการทำ Email Marketing Automation เพื่อดูแลลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราสิ่งที่ Active Campaign ทำให้ระบบของคุณ Automated ได้คือ เมื่อลูกค้าลงทะเบียนบนเว็ปไซต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว Active Campaign จะคอยส่งอีเมลล์ไปให้ลูกค้าในทันที
นอกจากนี้เรายังสามารถสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าของเราผ่านช่องทางอีเมลล์ด้วยวิธีการส่งอีเมลแบบหยดน้ำ(การส่งคอนเทนต์ที่เตรียมเอาไว้แล้วแบบอัตโนมัติ เป็นระยะๆ โดยที่พฤติกรรมการส่งนั้นอ้างอิงจากพฤติกรรมของผู้รับสารคนนั้นๆ)
2.Chatbot (Manychat)
Manychat เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ช่วยทำให้เราสามารถเป็นเจ้าของแชทบอทได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ธุรกิจที่มีแชทบอทจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่เจ้าหน้าที่ได้เวลาในการตอบลูกค้ากลับมา ลูกค้าก็ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการทราบทันที ได้ตลอด 24 ชม. โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องมาถ่างตาตอบอีกต่อไป
นอกจากนี้หากเรามีการออกแบบแชทบอทที่ดี คุณสามารถให้แชทบอทเก็บข้อมูลลูกค้าได้ด้วยไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลส่วนตัว หรือว่าความชอบที่ลูกค้ามีต่อบริการของเราได้โดยอัตโนมัติเลย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลล้ำค่าที่จะทำให้เราสามารถรู้ว่าลูกค้าคนไหนต้องการอะไรและส่งข้อความหรือเสนอขายสินค้าได้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
3.Google Drive (Google Sheet)
ถ้าจะให้นิยาม Google Sheet ง่ายๆ คือ Excel บนอินเทอร์เนต ซึ่งการที่ Google Sheet อยู่บนอินเทอร์เน็ตนั้นทำให้ไม่ว่าพนักงานหรือทีมงานคนไหนต้องการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าก็จะสามารถเข้าถึงได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา ชะนั้นจึงทำให้หลายๆคนเลือกใช้ Google Sheet เป็นที่เก็บฐานข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลที่ต่างๆ
นอกจากนี้ Google Sheet ก็สามารถเชื่อมข้อมูลระหว่าง Active Campaign และ Manychat ทำงานร่วมกันได้อีกด้วย (ต้องใช้ Zapier ในการเชื่อมฐานข้อมูล)
และนี่คือเครื่องมือ 3 เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนวิธีการทำ Digital Marketing แบบ Manual ไปสู่ Automation ซึ่งทำให้คนที่ดูแลการทำการตลาดของบริษัทด้วยเองได้เวลากลับมา และสามารถนำเวลาที่มีค่านี้ไปทำสิ่งที่สำคัญกว่าได้มากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีและโลกดิจิทัลมักไปไว และเคลื่อนที่ไม่มีหยุดองค์กรจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันตามเทรนด์ พัฒนานวัตกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจบนการแข่งขันที่รวดเร็วและรอบด้าน จาก SME ให้กลายเป็น Smart Enterprise ที่มีศักยภาพสูงขึ้น จากบริการธรรมดาให้กลายเป็น High Value Service เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของธุรกิจของคุณ
กับโลกยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไปในทุกวัน
คุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยัง?
Wealth Dynamics Thailand ขอแบ่งปันประสบการณ์ความรู้โค้งสุดท้ายสำหรับปี 2018 ให้ธุรกิจของคุณได้พุ่งทยานได้แบบยั่งยืน
ผ่านงาน Digital Growth Hacking for SME for 2019
คลิกดูรายละเอียดที่นี่>>