เชียวชาญด้านระบบ คบตัวเลขเป็นเพื่อน

[xyz-ips snippet="Podcast"]

หากคุณสังเกตตนเองว่าคุณเป็นคนหัวโบราณ ชอบทำงานหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยแต่ได้เงินแน่นอน ได้คราวละน้อย ๆ ไม่ว่า แต่ต้องได้จากหลายช่องทางและกินนานๆ แสดงว่าคุณจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทเดียวกับ Sergey Brin อัจฉริยะแห่งโลกออนไลน์ที่ไม่ทำเว็บไซต์แข่งกับใคร แต่ทำเว็บไซต์ที่ทุกเว็บไซต์บนโลกออนไลน์ต้องวิ่งเข้ามาอยู่ด้วย นั่นคือระบบ Google Search Engine แต่…


คุณก็สังเกตตัวเองอีกเช่นกันว่าคุณเป็นคนเก็บตัว เงียบ ๆ และไม่ค่อยสุงสิงกับใครจนอาจมีปัญหาด้านการพบเจอโอกาสดี ๆ ที่ผ่านมาทางคอนเนคชั่นกับผู้คน ไม่ต้องกังวลเพราะคุณมีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นเจ้าของโปรไฟล์ในระบบ Wealth Dynamics ที่เรียกว่า โปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์)?และต่อไปนี้คือวิธีสร้างความสำเร็จในแบบคุณครับ!

Overview: ภาพรวมของโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์)

ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) ถือเป็นแบบฉบับของนิยาม Low profile-High Profit พวกเขาเงียบและเก็บตัว ไม่นิยมเป็นที่สนใจจากสังคม แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกรรมสิทธิ์และการครอบครองทรัพยากรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ และใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการทำบัญชีและตรวจสอบตัวเลขอยู่หลังบ้าน

Role Models & Roles: แบบอย่างและบทบาท

ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) ผู้ถือสิทธิ์ที่ประสบความสำเร็จมีมากมายแต่ต้องเรียกว่าหลบซ่อนตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก เพราะพวกเขารักความเป็นส่วนตัวสูงนั่นเอง ตัวอย่างของผู้ถือสิทธิ์ที่เราคุ้นเคยกันดี ได้แก่ สุลต่าน และ กษัตริย์ผู้มั่งคั่ง รวมไปถึงคนที่มีสินทรัพย์ที่ทำเงินได้ เช่น เจ้าของอู่ยานพาหนะ, ผู้ได้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำ, บ่อนํ้ามัน, เจ้าของผืนดินขนาดใหญ่, ห้างสรรพสินค้า, หรือโรงงานขนาดใหญ่ให้เช่า เป็นต้น

ตัวอย่าง ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) ระดับโลก ได้แก่ John D Rocketfeller (Standard Oil) Jean Paul Getty (Getty Oil) Andrew Carnegie (Carnegie Steel) Sergey Brin (Google) เฉลียว อยู่วิทยา (กระทิงแดง)

Talent & Strengths: ความถนัดและจุดเด่น

ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) มีระเบียบ ละเอียดรอบคอบ ช่างระวัง มีความสามารถคิดวิเคราะห์ และมองเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนอื่นมองไม่เห็น จึงเป็นโปรไฟล์ที่มีความสามารถในการดูแลงานหลังบ้านสูงสุด ทั้ง บัญชี การเงิน ตัวเลข สถิติ และข้อมูล ฯลฯ เมื่อระบบของโครงการลงตัวแล้ว โปรไฟล์นี้จะเป็นผู้รักษาระบบให้ทำงานอย่างเคร่งครัด เบื้องหลังความเรียบร้อยของธุรกิจขนาดใหญ่และสถาบันการเงินต่าง ๆ ล้วนดูแลโดยโปรไฟล์นี้ทั้งสิ้น

Weakness: ข้อควรระวัง

โปรไฟล์กลุ่มนี้มีธรรมชาติของความช่างบงการ ไม่อาจอดทนต่อการสนทนาถามตอบกระจุกกระจิก ใส่ใจรายละเอียดมากเกินไปจนตึงเครียดและมองไม่เห็นภาพใหญ่ของภารกิจ และเมื่อความช่างบงการมาประกอบกับการไม่ช่างสนทนาหรือเจรจาพาที ทำให้มีปัญหาเรื่องมนุษย์สัมพันธ์และการเข้ากับผู้อื่น คอนเนคชั่นต่าง ๆ จึงมีอย่างจำกัด และมักไม่ถนัดเรื่องความคิดสร้างสรรค์และการริเริ่มโครงการใหม่ ๆ

Wealth Strategy: กลยุทธ์ในการสร้างความสำเร็จ

1. Foundation (สร้างพื้นฐานให้เอื้อต่อความสำเร็จ)

ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) มีความสุขและมีสมาธิสูงสุดเมื่อได้อยู่กับตัวเองเงียบ ๆ แต่พฤติกรรมนี้จำกัดขอบเขตความสัมพันธ์ที่จำเป็นต่อการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว คุณก็ไม่จะเป็นต้องมีเพื่อนมากก็ได้ แต่ขอให้เสาะหาคนที่มีความสามารถแบบ Supporter และ Deal Maker มาข้างกายไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยเรื่องคอนเนคชั่นและการดึงดูดกลุ่มผลประโยชน์ และเรื่องการปิดดีลสัญญาต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณมีรายได้

2. Moment (ช่วงเวลาที่คุณสร้างคุณค่าได้ดีที่สุด)

คุณค่าของคุณเกิดจากการเป็น ?เจ้าของสินทรัพย์? ที่ก่อให้เกิดรายได้แบบ ?Recurring? ได้แก่ ค่าเช่า เป็นต้น คุณต้องโฟกัสไปที่การพัฒนาความเชี่ยวชาญในตลาดสินทรัพย์หนึ่ง ๆ เพื่อสามารถเสาะหาสินทรัพย์ราคาถูกที่สามารถปล่อยเช่าได้มาไว้ในครอบครอง

3. Value Creation (วิธีสร้างคุณค่าที่ดีที่สุด)

คุณค่าที่ดีที่สุดคือ ความเชี่ยวชาญ ในตลาดเฉพาะ จงศึกษาหลาย ๆ ตลาดสินทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์, ที่ดิน, แหล่งทรัพยากร ฯลฯ และเลือกสิ่งที่คุณชอบที่สุดแล้วพัฒนาความรู้ตลาดเหล่านั้นให้เป็นความรู้เฉพาะทางประจำตัวคุณ

4. Value Ownership (การครอบครอบคุณค่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว)

บางครั้งคุณอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่เพื่อเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทั้งหมด ในอดีตเคยมีกรณีคนไปเช่าพื้นที่จำนวนหนึ่งของเจ้าของที่อีกต่อหนึ่ง จากนั้นนำพื้นที่มาพัฒนาต่ออีกเล็กน้อยและเปิดพื้นที่ให้เช่าทำตลาด โดยเก็บเงินค่าเช่าจากพ่อค้าและแม่ขายและนำส่วนต่างส่งเป็นค่าเช่าให้กับเจ้าของที่ดินอีกที กรณีนี้ก็ทำได้เช่นกัน — กล่าวโดยสรุป คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ 100% แต่ขอเพียงมีสิทธิ์ในสินทรัพย์เพื่อทำประโยชน์ต่อก็ได้

5. Leverage (วิธีผ่อนแรง ทำน้อย ได้มาก)

คุณสามารถผ่อนแรงโดยการ Duplicate แนวทางในข้อ 4 ก็คือเพิ่มจำนวนการมีสิทธิ์ในการหาประโยชน์ก็ดี การเช่าซื้อก็ดี ฯลฯ และทำซ้ำต่อ ๆ ไป

6. Secure Cash Flow (การสร้างกระแสเงินสด)

การบริหารกระแสเงินสดไม่ใช่ปัญหาของโปรไฟล์นี้ เพราะคุณจะกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นเสมอและโดยปริยายจากการขยายจำนวน สินทรัพย์ ของคุณ ต่างจาก Accumulator ที่บางครั้งรายได้เกิดต่อเมื่อขายสินทรัพย์นั้นออกไป แต่สำหรับผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) มุ่งเน้นที่การมี Recurring revenue ทันทีจากการเข้าครอบครองสินทรัพย์

ตัวอย่าง ผู้มีโปรไฟล์ ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) ที่มีชื่อเสียง

เซอร์จี บริน (Sergey Brin)

photo price-per-head-bookie-advice-sergey-brin_zpslpw3dyuq.jpg

ผู้มีโปรไฟล์ Lord (ผู้ถือสิทธิ์) มีแนวโน้มที่จะสร้างความมั่งคั่งเมื่อตลาดนั้นอยู่ตัวแล้ว เช่น การเข้าถือสิทธิ์ในพื้นที่ที่คนพลุกพล่านและเก็บรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ของคนที่มาขอเช่าขายของแทนการลงไปขายของด้วยตนเอง กรณีของ เซอร์จี บริน ก็เช่นกัน เพียงเปลี่ยนจากพื้นที่บนโลกจริง มาสู่พื้นที่บนโลกออนไลน์

หลังจากที่อินเตอร์เน็ตเติบโตและเป็นที่นิยมแบบสุดขีด โลกออนไลน์มีเว็บไซต์จำนวนมหาศาลจนทำให้เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เปิดขึ้นมาเข้าถึงได้ยากและไม่สามารถเป็นที่รู้จัก เซอร์จี บริน (Lord ผู้ถือสิทธิ์) และ แลรี่ เพจ (Mechanics นายช่าง) ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเครื่องมือรวบรวมฐานข้อมูลเว็บไซต์ทั้งหมดบนโลกออนไลน์เข้ามาอยู่ใน บัญชี ของตนเอง ที่ชื่อว่า Google ที่ ๆ คนทั้งโลกต้องเข้ามาหากอยากจะค้นหาเว็บไซต์ที่ตนเองต้องการ

เซอร์จี บริน เกิดในกรุงมอสโคว์และครอบครัวของเขาได้ย้ายมาที่อเมริกาในปี ค.ศ.1979 ด้วยความชอบในคอมพิวเตอร์และตัวเลขเขาได้เข้าเรียนปริญญาโททางด้านคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด ที่นั่นเขาได้พบกับ แลรี่ เพจ และทั้งสองได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Search engine อันมีระบบการทำงานอันซับซ้อนในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์จากทั่วโลกและสามารถแสดงผลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ทันทีที่มีคนเข้ามาป้อนคำค้นหาบางอย่างลงในโปรแกรม

โปรแกรมดังกล่าวเริ่มใช้งานในปี ค.ศ. 1996 ในชื่อ Backrub ก่อนค่อย ๆ พัฒนามาเป็นชื่อ Google.com โดยพวกมีเงินทุนไม่มากและต้องทำงานในร่วมกันในห้องนอนของ แลรี่ เพจ ตลอดช่วงแรกของการพัฒนาเว็บไซต์ ก่อนที่จะมีโอกาสได้พบกับนายทุนคนแรกชื่อ แอนดี้ เบคโทลเชมม์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ซัน ไมโครซิสเต็ม ที่ให้เงินลงทุน 100,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับเปิดบริษัทและทำสำนักงานเล็ก ๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราวในปี ค.ศ.1998

ช่วงแรกมีคนเข้าใช้งานระบบการค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Google ประมาณ 10,000 ครั้งต่อวันและขยับขึ้นไปที่ 500,000 ครั้งต่อวันภายในปีเดียว ดึงดูดนักลงทุนมาร่วมลงทุนอีก 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปี ค.ศ. 2000 จำนวนผู้คนที่เข้ามาใช้ Google ค้นหาข้อมูลก็กระโดดขึ้นไปสู่ 100 ล้านครั้งต่อวัน ทำให้พวกเขาต้องเริ่มจ้างผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยงาน ในขณะที่สองผู้ร่วมก่อตั้งแบ่งงานกันทำโดย เซอร์จี บริน บริหารงานด้านเทคโนโลยี และ แลรี่ เพจ บริหารด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์

Google เข้าตลาดหุ้นในปี 2004 ทำให้ได้เงินลงทุนมาอีก 1.67 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และวันนี้ Google ครองส่วนแบ่ง Search Engine อันดับหนึ่ง มีผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้มากมาย อาทิ Google AdWord หรือเครื่องมือโฆษณาสำหรับผู้ประกอบการ, GSuite ระบบอีเมล์สำหรับผู้ประกอบการ, Google Drive ระบบคลาวด์สำหรับฝากไฟล์, และมีเครื่องมือฟรีอีกนับไม่ถ้วน ได้แก่ Gmail, Google AdSense, Google Trend, Google Map, Google Earth, Google Doc, Google Sheet, Google Slides, Google Form ฯลฯ นับไม่ถ้วน ซึ่งทั้งหมดใช้หลักคิดเดียวกันคือดึงเอาฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้วบนโลก มาจัดระเบียบใหม่และเปิดให้คนใช้ฟรี หรือใช้ในราคาถูกมาก ๆ แต่เน้นจำนวนผู้ใช้จำนวนมากและเก็บเงินเป็น รายครั้ง หรือ รายเดือน

Google ในปี ค.ศ.2015 มีรายรับรวมประมาณ 74 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่กำไรประมาณ 16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอัตรากำไรขึ้นต้นของ Google ระหว่างปี ค.ศ. 2012 – 2015 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 59.60% โดยรายได้หลักมาจากการขายเครื่องมือโฆษณา Googel AdWord หรือการทำโฆษณาให้ติด Google Search Result