หนึ่งในความสงสัยยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของโลกคือ ?อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จที่แท้จริงกันแน่?? ทำไมคนบางคนจึงประสบความสำเร็จอย่างสูง และทำไมคนบางคนพยายามเท่าไรก็ไม่รวยเสียที ทั้ง ๆ ที่ได้ทำตามคำสำเร็จบอกแล้ว มันมี ความลับ หรือ คำสาป อะไรที่กดคุณเอาไว้ไม่ให้ร่ำรวยอย่างที่ใจฝัน?
ทำไมบางคนจึงยากจน (แม้จะได้รับโอกาสมหาศาล)
คุณเคยได้ยินวลี ?สามล้อถูกหวย? หรือไม่?
* สิ่งที่เราจะอธิบายต่อไปนี้ไม่ได้ดูถูกผู้ใด แต่เป็นการอธิบายตามคำศัพท์และที่มาของคำศัพท์จากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ท่านเข้าใจความหมายของวลีนี้
สามล้อถูกหวย เป็นคำศัพท์ที่แสดงถึงวงจรชีวิตของคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีฐานนะยากจน อาจจะด้วยความรู้ที่จำกัด และประกอบอาชีพที่มีรายได้น้อย โดยไม่สามารถอัพเกรดตัวเองไปยังจุดที่มีรายได้มากไปกว่านี้ และมีความหวังอยู่กับการ เสี่ยงโชค
สิ่งที่คนเหล่านี้หวังมากที่สุดคือการ ?ถูกล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่ง? พวกเขาจึงมีการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเกือบทุกรอบ ผลจากการซื้อบ่อย ๆ และอาจจะคราวละมาก ๆ ทำให้วันดีคืนดี แจ็กพ็อตแตก ถูกรางวัลที่หนึ่งหลายใบและได้เงินหลายล้านบาทมานอนกอด กลายเป็นเศรษฐีในข้ามคืน
เรื่องเล่าของ สามล้อถูกหวย เป็นเรื่องจริงและมักมีข่าวหน้าหนึ่งอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขับสามล้อ คนขับรถบรรทุก แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ฯลฯ และหลังจากผ่านไป 2-3 ปีหลังจากถูกล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่ง พวกเขากลับมาอยู่จุดเดิม คือจากมีเงินหลายล้านบาท กลับสู่ความยากจน เป็นหนี้ และประกอบอาชีพเดิมที่ตนเคยเป็น — ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
เพราะกรณีแบบ สามล้อถูกหวย หมายถึง?
บุคคลใดก็ตามที่ได้รับทรัพย์สินที่มิได้สร้างจาก Value หรือ คุณค่า ที่อยู่ในตัวเอง ได้แก่ ความรู้ ทักษะ และชื่อเสียง เป็นต้น และได้รับทรัพย์สินมากกว่า Performance หรือ สมรรถนะ ในการสร้างสรรและจัดเก็บที่เกินกำลังของตน ได้แก่ ได้มาจากการเสี่ยงโชค การยกให้ การขโมยมา และการฉ้อโกง เป็นต้น ฯลฯ บุคคลนั้นมีแนวโน้มหรือโอกาสที่จะสูญเสียมันไปส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด และกลับคุณสู่ Value และ Performance เดิมในเวลาอันไม่นาน
ทำอย่างไรจึงจะร่ำรวย?
ความร่ำรวยเกิดจากการมี รายได้หลายช่องทาง และ/หรือ ความสามารถในการตั้งราคาสูง อาทิ การให้บริการเฉพาะทาง, การค้าขาย, และการทำธุรกิจส่วนตัว โดยมีหลักการง่าย ๆ คือสิ่งที่คุณทำต้องสร้างผลกระทบ (Impact) แก่คนหมู่มาก
ยกตัวอย่างเช่น
นักร้องเพลงที่มีชื่อเสียง มีน้ำเสียงไพเราะ มีหน้าตาที่สวยงามน่าหลงใหล ใครได้ชมได้ฟังแล้วเกิดความสุข นี่คือ ผลกระทบ หรือ Impact ที่นักร้องเพลงสร้างแก่คน และคนจำนวนมากยินดีจ่ายค่าบัตรราคาแพงเพื่อมาฟังคน ๆ เดียวร้องเพลง สมมุติค่าบัตร 3,000 บาท คูณจำนวนผู้ฟัง 3,000 คน เป็นเงิน 9 ล้านบาทสำหรับการร้องเพลงให้ฟังเพียง 3 ชั่วโมง เป็นรายได้ที่มาจากคนหลาย ๆ กระเป๋าจ่ายให้แก่บุคคลหนึ่งคน
หากเป็นพ่อค้า อาจอยู่ในรูปแบบของร้านค้าหนึ่งร้านที่มีสินค้าหลายประเภท และคนจำนวนมากก็ตรงมาที่่ร้านนี้ร้านเดียวเพื่อซื้อสินค้าต่าง ๆ
และถ้าพ่อค้าใส่วิญญาณ Entrepreneur ลงไปด้วย ก็จะเริ่มปั๊มร้านค้าของตัวเองออกไปเป็นหลายสาขาเพื่อรองรับลูกค้าต่างพื้นที่ หรือแม้แต่ ขายระบบร้านค้าและแบรนด์ของร้านในรูปแบบของ แฟรนไชน์ ไม่ทางใดทางหนึ่งล้วนเป็นการ Duplicate ระบบ และทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณด้วยการทำงานเท่าเดิม
คุณจะเห็นแล้วว่าความร่ำรวยไม่ใช่คนที่รับรายได้ในอัตราคงที่, ไม่ได้มีรายได้จากช่องทางเดียว และไม่ได้ทำงานหนักขึ้น พวกเขาทำงานเท่าเดิมที่เพิ่มเติมคือ ?ระบบ? และ ?ทีม?
ถ้าต้องการปลดล็อกและยกระดับฐานะของตนเองต้องทำอย่างไร?
ความลับในการปลดล็อกดังกล่าวเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่งเรียกว่า Wealth Spectrum และได้รับการอธิบายไว้โดย Roger James Hamilton ผ่านหนังสือ The Millionaire Master Plan ชื่อภาษาไทยว่า แผน 9 ขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี แปลโดย คุณพอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์ Global Partner หลักสูตร Wealth Dynamics ประจำประเทศไทย
Wealth Spectrum เป็นศาสตร์ของการเรียงลำดับวิวัฒนาการด้านความมั่งคั่งของบุคคล โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มละ 3 ระดับ รวมเป็น 9 ระดับ โดยแต่ละระดับแยก พลังแห่งความมั่งคั่ง ด้วย ?สี? เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เปรียบเทียบ และอธิบายได้ง่าย
Wealth Spectrum แยกกลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 The Foundation ได้แก่ Infrared, Red, Orange
กลุ่มที่ 2 The Enterprise ได้แก่ Yellow, Green, Blue
กลุ่มที่ 3 The Alchemy ได้แก่ Indigo, Violet, Ultraviolet
คนในระดับ Ultraviolet ได้แก่ เศรษฐีที่มีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง ผู้มีกิจการอันเปรียบเสมือนเครื่องจักรทำเงินอัตโนมัติเครื่องยักษ์และมีอยู่เป็นร้อย ๆ เครื่อง สามารถผลิตเงินสดนาทีและหลายล้านบาททุกนาที ทั้งวัน ตลอดปี! ยกตัวอย่าง Sir Richard Branson เจ้าของธุรกิจ 400 บริษัท สินทรัพย์กว่า 1.7 แสนล้านบาท
และการจะก้าวไปสู่จุดที่เป็นกลุ่ม Alchemy นั้นคุณต้องผ่านแต่ละขั้นไปให้ได้เสียก่อน หากคุณพยายามใช้ทางลัด หรือแม้แต่โกงลำดับขั้นของ Wealth Spectrum ด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม คุณจะมีชีวิตไม่ต่างจาก ?สามล้อถูกหวย?
ดังนั้นคำว่า สามล้อถูกหวย ในกรณีนี้ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นผู้ประกอบอาชีพรับจ้างเท่านั้นจึงจะประสบชะตาชีวิตดังกล่าว แม้แต่คนทำงานบริษัท ฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของธุรกิจก็มีโอกาสประสบเหตุการแบบ สามล้อถูกหวย ได้เช่นกันหากคุณทำผิดขั้นตอน
ข่าวดีก็คือ แม้จะไม่มีทางลัดในการข้ามขั้น แต่มันมีวิธีในการไต่ระดับให้เร็วขึ้น หากคุณเข้าใจข้อเท็จจริงในแต่ละระดับและปรับประยกต์ใช้ให้เหมาะสมกับอาชีพตนเอง คุณจะก้าวหน้าเร็วขึ้น
เจาะลึก Wealth Spectrum แต่ละสี
กลุ่มที่ 1 The Foundation
Infrared ใต้สีแดง
คาแรกเตอร์: Victim เหยื่อ
รูปแบบชีวิต: ฉันเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
Infrared คือคนที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นหนี้และมีแนวโน้มที่จะมีหนี้สินมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการการเงินทั้งในฝั่งของการสร้างรายได้และการจัดการรายจ่าย ไม่จำเป็นต้องเป็นคนทำงานประจำเสมอไป ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และเจ้าของธุรกิจบางคนก็มีโอกาสที่จะเป็น Infrared เช่นกัน
กลุ่มนี้ บางครั้งการเปลี่ยนงานที่เงินเดือนสูงขึ้น หรือการกู้เงินมาลงทุนเพิ่มและขยายกิจการอาจยังไม่ช่วยอะไร เพราะหลังบ้านคือบัญชีและการเงินยังมีรอยรั่วขนาดใหญ่ สิ่งที่ต้องทำคือจัดระเบียบการเงิน สร้างวินัย และผ่อนจ่ายหนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน
Red สีแดง
คาแรกเตอร์: Survivor ผู้เอาตัวรอด
รูปแบบชีวิต: ฉันมีเงินแค่พออยู่รอดเท่านั้น
Orange สีส้ม
คาแรกเตอร์: Worker มนุษย์งาน
รูปแบบชีวิต: ฉันทำงานหนักเพื่อให้มีเงินใช้อย่างที่ต้องการ
คนในระดับ Red และ Orange มีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกันคือต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเพื่อให้มีรายได้เพียงแค่พอใช้แบบเดือนต่อเดือน โดยระดับสีแดงจะมีรายได้พอใช้แค่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ในขณะที่ระดับสีส้มจะยังพอซื้อของที่ใจอยากได้ได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่คล้ายกันคือสองกลุ่มนี้ต้องวิ่งหางาน และหากหยุดวิ่งเมื่อไรก็หมดเงินเมื่อนั้น
กลุ่มที่ 2 The Enterprise
Yellow สีเหลือง
คาแรกเตอร์: Player นักดนตรี
รูปแบบชีวิต: ฉันรักในสิ่งที่ฉันทํา และสร้างกระแสแห่งความลื่นไหลของตัวเอง
คนที่พัฒนาขึ้นมาสู่สีเหลืองคือคนที่เริ่มเกิดอัตลักษณ์ หรือ แบรนด์ ในสิ่งที่ตนเองขาย ไม่ว่าจะเป็นแพลทฟอร์ม สินค้า และบริการที่คนรับรู้และยอมรับในคุณค่า สามารถขายได้ในราคาแพงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เริ่มมีลูกค้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาและบอกต่อ ทำให้การวิ่งเต้นน้อยลง และมีกำไรส่วนมากขึ้นจนเริ่มมีกินมีใช้พอตัว แม้จะเหนื่อยน้อยลงบ้าง แต่ยังคงเหนื่อยอยู่เพราะธุรกิจขับเคลื่อนด้วยตัวคุณเป็นหลัก และยังคงต้องทำงานส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง
Green สีเขียว
คาแรกเตอร์: Performer นักดนตรีนำ
รูปแบบชีวิต: ฉันสร้างกระแสของความลื่นไหล ผ่านทีมที่ทํางานกันอย่างสอดคล้อง
Blue สีฟ้า
คาแรกเตอร์: Conductor วาทยากร
รูปแบบชีวิต: ฉันมีทีมงานหลายทีมและมีรายได้จากหลายแหล่ง
คนทำงานในระดับ สีเขียว และ สีฟ้า มีความคล้ายกันตรงที่มีทีมมาช่วย แต่แตกต่างกันตรงที่ สีเขียว ยังคงเป็นผู้นำทีมและอาจต้องร่วมทำงานบางอย่างด้วยตัวเองเพื่อควบคุมทีมทั้งหมดให้ทำงานสำเร็จ ในขณะที่สีฟ้าสามารถเอาตัวเองออกมายืนอยู่ข้างนอกทีม และมีผู้บริหารทีมที่ทำงานแทนตัวเองได้แล้ว สีฟ้ามีหน้าทีดูภาพรวม วางนโยบาย และดูรายงานเป็นหลัก
กลุ่มที่ 3 The Alchemy
Indigo สีคราม
คาแรกเตอร์: Trustee ผู้พิทักษ์
รูปแบบชีวิต: ฉันได้รับความไว้วางใจจากแวดวงธุรกิจของฉัน
ระดับสีครามคือพื้นที่ของเศรษฐีระดับหลายร้อยล้านและระดับพันล้าน เมื่อคุณมีความเชี่ยวชาญในปริชึมระดับกิจการแล้ว ความไว้วางใจจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดของคุณ และยังสามารถนำความเชื่อมั่นนั้นมาทำเงินได้ในวิธีที่คาดไม่ถึง
Violet สี่ม่วง
คาแรกเตอร์: Composer นักประพันธ์
รูปแบบชีวิต: ฉันเป็นผู้ตั้งกฎของเกมต่าง ๆ
บุคคลในระดับสีม่วงสามารถพิมพ์เงินมาใช้เองได้ พวกเขากำหนดกฎเกณฑ์ทางการเงินต่างๆ และแต่งเพลงให้คนในระดับอื่นเต้นตาม เพิ่งไม่นานมานี้เองที่ผู้ประกอบการ ผู้นำและชุมชนต่างๆ จากทั่วโลกได้เข้ามาสวมบทบาทนักประพันธ์มากขึ้น และปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ทางเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิม
Ultraviolet เหนือสีม่วง
คาแรกเตอร์: Legend ตำนาน
รูปแบบชีวิต: แทบไม่ต้องทำอะไรด้วยตนเองอีกแล้ว
ระดับเหนือสีม่วงคือระดับสุดท้าย หากเป็นรุ้งกินน้ำระดับนี้จะอยู่เหนือแถบสีที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บุคคลที่อยู่ในระดับสีเหนือม่วงเป็นดั่งตำนานที่ผู้คนจดจำชื่อของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์แทนผลงานที่สร้างไว้ และกลายเป็นตำนานที่คนจะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อาทิ Sam Walton (Walmart), Steve Jobs (Apple) Warren Buffet (Berkshire Hathaway), Richard Branson (Virgin Group) เป็นต้น
สรุป
จากบันทึกของ Roger James Hamilton ผู้สร้างหลักสูตร Wealth Dynamics โดยผ่านประสบการณ์แต่ระดับสี (ซึ่งแน่นอนว่าเขาเคยเป็น Infrered มาก่อน) และจากการให้คำปรึกษาและโค้ชชิ่งผู้คนจำนวนมาก ก็พอจะยืนยันได้ว่า คุณไม่สามารถกระโดดข้ามขั้นตอนได้
กล่าวคือ หากคุณเป็น Infrared คือผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว คุณจะคาดหวังที่จะกระโดดมาเป็นคนในระดับสีเขียวหรือสีน้ำเงินทันทีไม่ได้ คุณต้องจัดการกับปัญหาการเงินของคุณเสียก่อน คุณจึงจะเริ่มเข้าสู่ระดับสีแดงและสีส้ม และจนกว่าคุณจะมีแบรนด์ในสิ่งที่คุณขาย คุณจึงจะก้าวขึ้นมาเป็นระดับสีเหลือง จนกระทั่งคุณมีทีมงานคุณจึงจะเป็นสีเขียน and so on?
คุณข้ามขั้นไม่ได้ แต่คุณสามารถผ่านแต่ละขั้นให้เร็วขึ้นได้ เช่น คุณอาจเป็นหนี้อยู่หลายปี แต่ทันทีที่จบหนี้ช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างสีแดงไปสีส้มอาจใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี และก้าวสู่สีเหลืองในปีต่อไปเป็นต้น ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณเข้าใจการทำงานของ Wealth Spectrum แบบนี้แล้ว โอกาสในการพัฒนาความมั่งคั่งของคุณจะยิ่งเร็วขึ้น!