คุณถูกปลูกฝังมาว่า จงขยัน ทำงานหนัก แล้วจะรวย
แต่เมื่อโตมา คุณขยันจริง ทำงานหนักจริง ได้เงินดีด้วย แต่ไม่รวย แถมหยุดไม่ได้ พักไม่ได้ และไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ในขณะที่นักธุรกิจหลาย ๆ คนที่คุณเห็นทำงานน้อยกว่า มีเวลาใช้ชีวิต ในขณะที่เงินของพวกเขาก็ยังคงไหลมาเทมาไม่มีหยุดตามที่เจ้าของกิจการนั้น ๆ หยุดไปด้วย? ทำไม?
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่โชคชะตาแต่มีเหตุปัจจัยที่คุณสามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีเครื่องมือชี้วัดว่าคุณมีแนวโน้มเป็นผู้ใช้ชีวิตใน ระดับสีส้ม อันเป็นระดับความมั่งคั่งตามศาสตร์ของ Wealth Spectrum และต่อไปนี้คือทางออกของคุณแบบ Step-by-Step ครับ!!
ภาพรวมของ Wealth Spectrum ระดับสีส้ม
Wealth Spectrum ระดับที่ 3 คือ สีส้ม (Orange) ฉายามนุษย์งาน เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในสถานะของผู้มีรายได้พอกินพอใช้ ใช้จ่ายตามต้องการได้ แต่อาจเหลือเก็บไม่มาและไม่มากพอที่จะลงทุนหรือขยับขยายอะไรที่สูงกว่าการใช้จ่ายพื้นฐาน
คุณสร้างรายได้จากการทำงานหนักผ่านความรู้จริงและมีประสบการณ์ในสายอาชีพ ความสามารถของคุณเป็นที่ยอมรับจาก ?ผู้ว่าจ้าง? และ ?ลูกค้า? แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถควบคุมกระแสเงินได้อย่างเต็มที่ ไม่มีอำนาจเด็ดขาดในการกำหนดมูลค่าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน หรือค่าตัว หรือค่าสินค้า ทำให้คุณยังคงต้องระมัดระวังการใช้เงินอย่างมาก แม้สุดท้ายจะได้รับเงินพอใช้ แต่ในแต่ละเดือนก็ไม่เคยวางใจได้เลย
สถานภาพของคุณยังคงเป็นการทำงานในลักษณะ Routine ที่หยุดไม่ได้หรืออาจจะโงหัวไม่ขึ้นในบางครั้ง (หรือหลาย ๆ ครั้ง) การจะก้าวสู่ลำดับที่สูงขึ้น คุณต้องการเครื่องมือ Leverage อาทิ ระบบ ผู้ช่วย และทีมงาน
ตัวชี้วัดของผู้อยู่ในระดับสีนี้
มีกระแสเงินสดที่เป็นบวกแต่เป็นเงินที่คนอื่นคุมอยู่
ข่าวดีก็คือคุณอยู่ส่วนบนสุดของปริซึมระดับ พื้นฐาน คุณมีกระแสเงินไหลเข้าเป็นบวกทุกเดือน?แต่เหตุที่คุณยังไปไม่ถึงปริซึมในระดับ กิจการ เพราะกระแสเงินของคุณยังถูกควบคุมอยู่ อาทิ โดยการเป็นพนักงานรับเงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ รับจ้าง ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องรอเงินจากลูกค้าหลังส่งมอบงาน โดยลูกค้ายังถืออำนาจต่อรองทั้งจำนวนและระยะเวลาจ่ายเงินอยู่พอสมควร คุณจึงไม่สามารถเพิ่มเงินที่จะไหลเข้ามาได้ดั่งใจนึก ในขณะที่ปริซึมระดับ กิจการ จะเริ่มสร้างเครื่องทุ่นแรง และรู้ว่าต้องใช้ตัวเร่งแบบไหนเพื่อจะส่งพลังให้เราเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
สถานะ หรือสภาวะของผู้อยู่ในระดับสีนี้
ผู้ใช้แรงงาน
เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาถึงจุดนี้ด้วยกำลังของแรงงานเป็นสำคัญ และในวันที่โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เจริญมากแล้ว ต่อไปเป็นช่วงเวลาของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชั่น ฯลฯ ซึ่งหมายความว่าความมั่นคงในหน้าที่การงานของคนในระดับสีส้มก็อาจจะสั่นคลอน คนที่ทำงานหนักมักจะมีความคิดฝังหัวว่าต้องทำงานหนักจึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบการศึกษาและพ่อแม่ของเราหลายต่อหลายคนสอนสั่งเรามา แต่ปัญหาคือความเชื่อในลักษณะนี้มักจะมีแนวคิดว่า หากอยากจะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม ก็ต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม ในขณะที่มนุษย์ผู้ทำงานหนักกลุ่มนี้ก็กำลังทำงานอย่างหนักหนาเต็มที่ในตอนนี้แล้ว
คุณมาอยู่ในจุดนี้และจะรักษาระดับนี้ได้อย่างไร?
ค้นหาความปรารถนาอันแรงกล้าของคุณให้พบ
คุณมีแนวโน้มที่จะมีความปรารถนาอันแรงกล้าในชีวิตที่ควรค่าแก่การต่อสู้เพื่อให้ได้มา นั่นเป็นเหตุให้คุณพยายามมีกระแสเงินสดที่เป็นบวกอยู่เสมอ และคุณเองก็กำลังลงทุนเพื่ออนาคตอยู่ ความมุ่งมั่นแบบนี้แหละที่พาคุณมาถึงจุดนี้ แต่มันก็จะกักขังคุณไว้ที่จุดนี้ด้วยเช่นกัน ถ้ามัวแต่ใช้เวลาปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ คุณก็จะไม่มีเวลามาสร้างเครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้คุณแล่นไปข้างหน้าโดยไม่ต้องใช้แรงปั่นอีกต่อไป
คุณสามารถก้าวขึ้นไปในระดับสีเหลืองได้เมื่อคุณละความสนใจจากความปรารถนาของคุณออกไปบ้าง และลองเป็นนักเรียนที่พยายามเรียนรู้ศึกษาในความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้อื่นดู เช่นเรียนรู้ความต้องการของตลาด ความฝันของหุ้นส่วนและความต้องการของทีม แต่อย่าให้ความปรารถนาของคุณเองหายไปจากสายตาคุณเสียล่ะ มิฉะนั้นคุณก็จะหลงทางและตกลงไปในระดับของสีแดง หรือระดับใต้สีแดง (เหมือนกับพวกที่ออกมาเสี่ยงทำธุรกิจโดยไม่มีงานประจำไว้รองรับมักจะประสบ)
กำหนดมาตรฐานของตน
เพื่อลดความไม่แน่นอนในช่วงเวลาที่ไม่อาจคาดเดาได้ คุณได้ตั้งมาตรฐานบางอย่างเพื่อความปลอดภัยของอนาคตตัวเองไว้ ไล่ตั้งแต่จะทำงานหนักขนาดไหน จะจัดการกระแสเงินสดอย่างไร ไปจนถึงจะต้องรับผิดชอบต่อตัวคุณเองและคนอื่นอย่างไร สิ่งเหล่านี้คือมาตรฐานที่ช่วยให้ยังมีเงินใช้จ่าย หากอยากเลื่อนขึ้นสู่สเปคตรัมแห่งความมั่งคั่งในระดับที่สูงขึ้น คุณจะต้องมองมาตรฐานต่าง ๆ ของคุณด้วยมุมมองใหม่ ในระดับของปริซึมขั้นพื้นฐาน มาตรฐานของคุณก็เหมือนกับการว่ายน้ำให้เป็นเพื่อคุณจะได้ไม่จมน้ำ แต่สำหรับปริซึมระดับกิจการ คุณเป็นลูกเรือในเรือลำใหญ่และการจะเป็นลูกเรือได้คุณจะต้องว่ายน้ำให้เป็นเพื่อจะไม่เป็นภาระของลูกเรือคนอื่น แต่การว่ายน้ำนั้นก็ไม่ใช่วิธีที่ทำให้คุณไปถึงที่หมายได้อยู่ดี
เกาะกระแสของความลื่นไหล หรือ Flow อยู่เสมอ
คุณมาอยู่ในระดับสีส้มเพราะคุณสังเกตและติดตามกระแสความลื่นไหล (flow) หรือเรียกแบบบ้าน ๆ ว่าคุณตามกลิ่นเงินมา เกิดจากการศึกษาแนวโน้มของตลาด การพัฒนาความรู้ของตนเองให้สามารถทำงานได้ เหล่านี้ทำให้คุณได้งานที่มีรายได้สูงขึ้นแต่ยังคงเป็นงานประจำ หรือมีอาชีพส่วนตัวที่มีรายได้มากแต่ผ่านการทำงานหนักและทำงานเป็น Routine ซึ่งการสาละวนกับงานอย่างไม่หยุดหย่อนก็ไม่ทำให้คุณมีทักษะที่จะอยู่ในระดับสีเหลืองได้
ขั้นตอนทั้ง 3 เป็นปัจจัยที่ทำให้คุณมาอยู่ในระดับของสีส้ม แทนที่จะเป็นระดับสีแดงหรือระดับใต้สีแดง และกลยุทธ์เหล่านี้จะรักษาตำแหน่งให้คุณยังอยู่ในระดับสีส้มต่อไป มันเป็นวิธีการทำงานหนักเพื่อให้มีชีวิตรอด กลยุทธ์เหล่านี้เน้นการออกแรงทำมากกว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เกิดการดึงดูด
คุณจะเลื่อนไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อย่างไร
การเลื่อนไปสู่ระดับสีเหลืองคือการเลื่อนจาก มนุษย์งาน ไปเป็นผู้เล่นที่มีตำแหน่งเสมือน นักดนตรี หรือ นักฟุตบอลในสนาม มันคือการได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เล่นได้อย่างกลมกลืนและเป็นจังหวะ แบบเดียวกับที่นักดนตรีหรือนักฟุตบอลสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ชมที่ชื่นชอบการแสดงหรือการเล่นของพวกเขา 3 ขั้นตอนที่จะให้คุณก้าวสู่ระดับของสีเหลืองได้แก่
สร้างเอกลักษณ์ของคุณ
คุณคงเคยได้ยินคำอุปมาอุปมัยว่า ?ถ้าไปจังหวัดนี้ ๆ แล้วไม่ได้รับประทานอาหารที่ร้านชื่อนี้ เท่ากับว่าคุณยังมาไม่ถึงที่อย่างแม้จริง? หรือ ?หากไปเที่ยวประเทศนี้แล้วไม่ได้มาสถานที่นี้ ๆ เท่ากับว่าทริปนั้นเสียเปล่า? เป็นต้น! นี่คือเอกลักษณ์ของสถานที่ ไม่มีใครจดจำร้านอาหารตามสั่ง แต่ทุกคนสามารถจดจำว่า ใครคือเจ้าพ่อร้านข้าวขาหมู ใครคือเจ้าแม่ร้านเข้ามันไก่ ร้านก๋วเตี๋ยวเรือเจ้าเก่าต้องที่ไหน จะสั่งปูม้านึ่งออนไลน์ต้องสั่งกับใคร — หลักการเดียวกันนี้สามารถใช้ไดกับระดับธุรกิจ และปัจเจกที่ประกอบอาชีพส่วนตัวและพนักงานประจำ จงสร้างเอกลักษณ์ในสายงานให้คุณถูกจดจำและเป็น The go-to-person ของตลาดนั้น ๆ แล้วคุณจะมีค่าตัวที่สูงขึ้น
สร้างความชำนาญในตลาดของคุณเอง
การหาตัวตนของคุณก็จะเป็นการช่วยหาตำแหน่งในตลาดให้คุณด้วย ซึ่งหมายความว่าคุณได้ทุ่มเทกับตลาดที่คุณมีความชำนาญ ในฐานะที่เป็นผู้เล่นชั้นนำในตลาด คุณก็ต้องรู้ว่าตลาดมีความใหญ่โตแค่ไหน รู้จักผู้เล่นหลักรายอื่น ๆ และความเคลื่อนไหวล่าสุดในตลาดนั้น ในโลกที่เศรษฐกิจหมุนไปอย่างรวดเร็วทักษะความชำนาญเช่นนี้สำคัญมากในการที่จะเป็นผู้เล่น หากคุณไม่มีความชำนาญในตลาดของคุณ คุณก็จะหลุดออกจากกระแสของความลื่นไหล (flow) ที่จะได้โอกาสต่าง ๆ มา ตลาดก็เปรียบเหมือนกับสนามเด็กเล่นของคุณนั่นแหละ หากคุณรู้เกมการเล่นหรือรู้จักเครื่องเล่นทั้งหมดในสนามก็จะทำให้คุณเล่นอยู่ในเกมที่เหมาะกับคุณที่สุด และคุณก็รู้ว่าควรจะเล่นกับผู้เล่นคนไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับคุณ
สร้างจังหวะแห่งการทำเงิน
ในระดับสีส้ม คุณเป็นมนุษย์งานที่เพียงทำงานไปตามคำสั่งให้เสร็จและถูกต้องโดยยังไม่จำเป็นต้องรู้ลึกว่าสิ่งที่คุณทำจะสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อส่วนอื่น ๆ จนเกิดมูลกลับคืนสู่มหาภาคของธุรกิจแคไหนและอย่างไร แต่สำหรับสีเหลือง คุณขึ้นมาเป็นผู้ปฏิบัติงานในระดับ Critical ของธุรกิจ ทักษะ ประสบการณ์ และความรู้ของคุณมีผลต่อรายได้ของกิจการอย่างมาก คุณสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวเอง (ทักษะ ประสบการณ์ และความรู้) ในการสร้าง จังหวะแห่งการทำงาน โดยนำไปเชื่อมต่อกับเจ้าของธุรกิจ หรือผู้ว่าจ้างที่ต้องการเชื่อมต่อกับคุณ
ยกตัวอย่างเช่น คุณมีความรู้ในการออกแบบ และมีคอนเนคชั่นกับโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ คุณสามารถเชือมต่อกับเจ้าของสินค้าที่ต้องการ นักออกแบบ และต่อยอดด้วยการเสนอบริการผลิตและส่งมอบบรรจุภัณฑ์ให้แก่ผู้ว่าจ้างโดยใช้เงินของผู้ว่าจ้างในการลงทุนทั้งหมด โดยที่คุณไม่ต้องสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ของตนเองแต่อย่างใด
กรณีศึกษา
ครั้งหนึ่ง เจ้าของหลักสูตร Wealth Spectrum (ผู้เขียนหนังสือ The Millionaire Master Plan) ให้คำปรึกษาแก่ เฮเธอร์ เยล เมื่อปี 2011 เธอเป็นผู้มี Dynamo energy อยู่ในกลุ่มคล้ายผู้มีโปรไฟล์ Creator หรือ อัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ที่มีชีวิตอยู่ในระดับสีส้ม
เธอกำลังทำงานร่วมกับนักพูดที่มีความโด่งดังระดับประเทศในออสเตรเลียเพื่อให้คำปรึกษากับผู้นำในองค์กรต่าง ๆ เธอมีสัญญาการทำงานระยะยาว แต่ในตอนนี้เธอพร้อมที่จะสร้างบางอย่างสำหรับตัวเธอเองแล้ว เธอคิดว่ามันจะต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวพันกับสิ่งที่เธอมีความเชี่ยวชาญมาก่อน นั่นคือการให้คำปรึกษากับองค์กร แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันควรเป็นอะไรอย่างแน่ชัด ในตอนแรกที่ผมให้คำปรึกษากับเธอ ผมถามเธอว่า เธออยากจะทำอะไรถ้าหากว่าไม่ต้องทำเพื่อเงินอีกต่อไป คำตอบของเธอทำให้เราทั้งคู่ประหลาดใจ เพราะเธอตอบว่า เธออยากจะทำงานเพื่อเด็ก ๆ มาโดยตลอด
เฮเธอร์นั้นใฝ่ฝันที่จะสนับสนุนเด็กๆ ในด้านการศึกษา แต่เธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและใช้การจดจ่ออย่างมาก ดังนั้นเธอจึงเก็บไอเดียของเธอใส่ลิ้นชักไว้เพื่อที่จะทำในทีหลัง ผมถามเธอว่า เธอจะรู้สึกอย่างไรถ้าเธอได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็ก ๆ ไปพร้อม ๆ กับทำงานในธุรกิจที่เธอกำลังทำอยู่ด้วย เธอยิ้มออกมาด้วยความยินดี เราจึงขยายภาพให้ครอบคลุมการให้คำปรึกษา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสำหรับทั้งผู้นำในบริษัท และผู้นำของโลกในอนาคต นั่นก็คือเด็กๆ ของเรานั่นเอง ในตอนนี้เธอจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์ส่วนบุคคล แทนที่เธอจะออกไปหาลูกค้าใหม่ ๆ เธอจะต้องหยุดแล้วก็สร้างแบรนด์ขึ้นจากสิ่งที่เธอเป็น แล้วก็ดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาหาเธอ
ขั้นตอนที่ 1 : สร้างเอกลักษณ์ของตนเอง
อย่าสร้างบริการหรือสินค้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จากไอเดียอันถัดไปที่ดีที่สุดของคุณ หรือจากการที่คุณมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองสิ่งที่คนอื่นมาร้องขอให้ทำ ให้สร้างเอกลักษณ์ สำหรับตัวเองที่ชัดเจน ซึ่งนั่นจะทำให้คุณเป็นศูนย์กลางที่ธุรกิจ พันธมิตรและรายการส่งเสริมการขายจะมาโคจรรอบตัวคุณแทน
จินตนาการถึงตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า คุณได้บรรลุความสำเร็จแล้วและใครบางคนก็ได้เขียนความสำเร็จของคุณเข้าไปในสาราณุกรมออนไลน์ชื่อ วิกิพีเดีย คุณอยากให้ย่อหน้าแรกในชีวประวัติของคุณพูดถึงอะไรบ้าง?
ผู้นำและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จทุกคนมีชีวประวัติโดยสรุป ซึ่งมีความยาว 1 ย่อหน้า และสรุปว่าตัวเขาเป็นใคร และมีความโดดเด่นในเรื่องอะไร แล้วพวกเขาก็รู้ว่าตนเองโดดเด่นในเรื่องอะไร ก่อนที่คนอื่นๆ จะได้รู้จักพวกเขาในเรื่องนั้นเสียอีก
การรู้ว่าตัวเองโดดเด่นในเรื่องใดนั้นก็เหมือนว่า คุณได้สร้างตำแหน่งของคุณบนสนามฟุตบอลแล้ว คุณได้เลือกและเล่นในตำแหน่งนั้น คุณอยู่ในตำแหน่งนั้นเสมอ และทำให้ผู้เล่นคนอื่นอยากจะส่งลูกบอลให้กับคุณ คุณเป็นผู้เปิดกระแสแห่งการลื่นไหลแทนที่จะวิ่งไปทุกที่ๆ คุณต้องการจะไป พูดง่าย ๆ ก็คือเราได้ใช้สูตรที่นำไปสู่ความสำเร็จ เมื่อเราเลือกที่จะเริ่มทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ดี
เฮเธอร์ มีประสบการณ์จากสิ่งที่เธอได้ทำไปตามสัญชาตญาณให้กับบริษัทต่างๆ เพื่อที่จะให้พวกเขาได้รับผลลัพธ์ตามที่พวกเขาต้องการ ในตอนนั้นเธอยังไม่มีแบรนด์สำหรับบริการของเธอ แต่เมื่อผมกับเฮเธอร์ทำความเข้าใจกับการทำงานของเธอให้แจ่มแจ้ง เราก็พบว่า เธอจะทำตามกระบวนการทีละขั้นตอนซึ่งทำให้เธอเข้าถึงหัวใจของแต่ละองค์กรได้ เธอจะหาคำตอบว่า องค์กรเหล่านั้นมีวัฒนธรรมที่ได้สร้างอารมณ์ (ซึ่งไม่ใช่ความคิด)อะไรให้เกิดขึ้นกับพนักงาน พันธมิตรและลูกค้าของพวกเขา? จากนั้นเธอจะสลายอารมณ์เหล่านี้แล้วก็สร้างวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมาใหม่จากหัวใจขององค์กร เราจึงได้ตั้งชื่อแบรนด์การบริการของเธอจากแนวคิดนี้ว่า อีโมชั่นแนลเอนเตอร์ไพรซ์ (Emotional Enterprise )
ขั้นตอนที่ 2 : สร้างความเชี่ยวชาญในตลาดของคุณเอง
อย่าวิ่งไล่ธุรกิจของคุณ อย่าเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ แล้วเอาไปไล่ขายกับทุก ๆ คน ด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนจะมาซื้อข้อเสนอของคุณ จงเชื่อมต่อกับผู้คนและพันธมิตร ที่สามารถเป็นต้นแบบให้คุณเรียนรู้จากเขาได้ คุณจะต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่าใครคือลูกค้าของคุณ และใครที่ไม่ใช่
การสร้างความชำนาญในตลาดของคุณไม่ใช่การคิดริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ โดยที่ไม่เคยมองว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นแล้วบ้าง แต่เป็นการเล่นเกมกับคนหรือสิ่งที่อยู่ในตลาดนั้นแล้วต่างหาก การสร้างความชำนาญในตลาดของคุณในขณะที่ตัวคุณเองก็ต้องวิ่งไล่ตามธุรกิจของคุณด้วยนั้น ก็เปรียบเสมือนการวิ่งไล่จับผีเสื้อ ทุกครั้งที่คุณออกวิ่งไล่จับผีเสื้อคุณอาจจะจับผีเสื้อได้สักตัวหนึ่ง แต่วันรุ่งขึ้นคุณก็ต้องออกไปวิ่งไล่จับผีเสื้อใหม่อีกอยู่ดี จริงๆ แล้วคุณควรจะปลูกสวนเพื่อให้ผีเสื้อบินเข้ามาหาคุณเองทุกวันจะดีกว่า
และการดึงดูดนั่นแหละ คือกุญแจสำคัญของความเป็นอัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ (Dynamo) ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ (Dynamo) ไม่ได้ใช้ความสร้างสรรค์อย่างเป็นธรรมชาติของตัวเองเพื่อมุ่งเน้นไปยัง สิ่ง ที่พวกเขาต้องสร้างขึ้น แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ความสร้างสรรค์เพื่อมุ่งเน้นไปยัง วิธีการ ที่พวกเขาจะก้าวไปอยู่ต่อหน้าคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายในตลาดของเขา ตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเขาลืมตาตื่นตอนเช้าเลยทีเดียว
เฮเธอร์ค้นคว้าจุดนี้มาอย่างละเอียด และเธอก็รู้อย่างชัดเจนว่า เธอต้องการหาผู้นำองค์กรระดับสูงเท่านั้นมาทำงานกับเธอในบริษัทอีโมชั่นแนลเอนเตอร์ไพรซ์ (Emotional Enterprise) ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกคนหนุ่มสาวที่เฮเธอร์ต้องการช่วยเหลือล่ะ? เธอพบว่าแม้โครงการเพิ่มคุณค่าให้นักศึกษาในทวีปเอเชียและออสเตรเลียนั้นเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่โปรแกรมนี้กลับมีมานานแล้วในสหรัฐอเมริกา ผมเล่าให้เฮเธอร์ฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผมมีโอกาสร่วมงานกับ โจ แชพอน และ บ็อบบี ดีพอร์ทเทอร์ ในโครงการซูเปอร์แคมป์ ซึ่งเป็นค่ายเยาวชนในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนอันดับต้นๆ ของโลกและมีประวัติการจัดค่ายเยาวชนมานานกว่า 20 ปี
(SuperCamp Program – โครงการเข้าค่ายเยาวชนในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน สำหรับนักเรียนนักศึกษา เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ผ่านการเรียนด้านวิชาการกิจกรรมนอกห้องเรียน และแบบฝึกหัดพัฒนาบุคลิกภาพตัวเอง (อ้างอิงจากwww.supercamp.com)
พวกเรามักจะค้นพบว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุดเพื่อก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นคือการเรียนรู้จากคนที่อยู่ในระดับนั้นแล้ว เพราะพวกเราจะได้เรียนรู้รูปแบบและสิ่งที่คนเหล่านั้นเข้าใจในตลาดของพวกเขานั่นเอง และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับเฮเธอร์และบ็อบบี โครงการซูเปอร์แคมป์มีหลักสูตรเข้าค่ายแบบเข้มข้น สำหรับเยาวชน เป็นเวลา 7 วัน หรือ 10 วัน ในหลักสูตรนี้เยาวชนทั้งหลายจะได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิต และกระตุ้นให้เกิดทักษะการเรียนรู้
พวกเราได้ก่อตั้งโครงการซูเปอร์แคมป์ที่โรงเรียนกรีนสคูล (GreenSchool) ในบาหลีแล้ว แต่ในตอนนั้นยังไม่มีโครงการซูเปอร์แคมป์ในประเทศออสเตรเลียเลย เฮเธอร์จึงเริ่มติดต่อกับโจเพื่อร่วมหุ้น และก่อตั้งซูเปอร์แคมป์ในออสเตรเลียโดยอาศัยเครื่องมือและโครงสร้างทั้งหมดที่โจและบ็อบบีคิดขึ้นมาเพื่อนำไปใช้กับโครงการของพวกเขาสำหรับเด็กๆ หลายล้านคนทั่วโลก
ตอนนี้เฮเธอร์ต้องการหนทางที่ดีกว่าการเดินเคาะประตูบ้านไปทีละหลังเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเธอในออสเตรเลีย เธอต้องคิดถึงกลุ่มพ่อแม่ที่ตื่นเช้าขึ้นมาก็เริ่มมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก ๆ ของพวกเขา และทำให้พวกเขาอยากจะส่งลูกมาเข้าร่วม ออสเตรเลีย ซูเปอร์แคมป์ (Australian Super-Camp) พ่อแม่เหล่านั้นอยู่ที่ไหนกันล่ะ? และใครที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากลุ่มพ่อแม่เหล่านั้นอยู่แล้ว ใครซึ่งจะสามารถมาเป็นหุ้นส่วนกับเธอเพื่อให้เธอเข้าถึงกลุ่มพ่อแม่ที่เธอมองหา? วิธีไหนจะเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เธอสามารถส่งข้อความถึงกลุ่มพ่อแม่เหล่านั้นได้ล่ะ?
ขั้นตอนที่ 3 สร้างรายได้จากโอกาสของคุณ
อย่าเพียงแค่เปิดประตูและนั่งคอยหวังให้เงินเดินเข้ามาหาคุณเอง จงสร้างรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) ที่มุ่งเน้นการสร้างลูกค้าให้ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ในช่วงเวลาที่ชัดเจน และในแต่ละวันคุณจะต้องมีระยะเวลาเพียงพอต่อการทดสอบและวัดผลสมมติฐานของคุณด้วย จากนั้นก็เรียนรู้ที่จะหาวิธีเพิ่มรายได้ต่อไป
ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ (Dynamo) มักจะถูกกระตุ้นให้เข้าหาการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยที่ยังไม่ได้ทำให้สิ่งที่เริ่มต้นไปก่อนหน้านี้แล้วให้เสร็จลุล่วงเสียด้วยซ้ำและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเราไม่สามารถสร้างรายได้จากโอกาสที่มีได้ถึงแม้ว่าเราจะค้นพบตลาดที่เราชำนาญแล้วก็ตาม พวกเราจะเริ่มวิ่งไปรอบๆ และคิดสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นอีก แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่รายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) ที่ชัดเจน หรือมุ่งเน้นไปที่การทดสอบและวัดผลงาน หรือหาหนทางที่ฉลาดกว่าและดีกว่าในการทำสิ่งนั้น ถ้าเรามุ่งเน้นไปกับสิ่งที่เราควรจะทำเราก็จะได้เรียนรู้ว่าอะไรที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จและอะไรที่ไม่ใช่หนทางที่เราควรปฏิบัติ แม้ว่าการทำเช่นนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้เราได้เริ่มธุรกิจใหม่ตามที่ใจอยากก็ตาม
เมื่อเรากำหนดรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) นั่นหมายความว่าพวกเรากำลังกำหนดจุดหมายปลายทาง และดึงดูดผู้คนที่ต้องการไปยังปลายทางเดียวกันนั้นเข้ามาหา เราจะต้องรวบรวมการสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับเราด้วยความตั้งใจที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ กุญแจสำคัญของการสร้างรายได้จากโอกาสของคุณ คือคุณต้องไปให้ถึงจุดที่คุณคิดว่า คุณสามารถพัฒนาต่อไปได้ แล้วพัฒนาธุรกิจของคุณให้เจริญเติบโตไปพร้อมกับทีมงาน และท้ายที่สุดคุณต้องยอมเสี่ยงที่จะลงทุนในขนาดของรายการส่งเสริมการขายที่คุณมั่นใจว่าคุณทำได้ และร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนที่มีขนาดธุรกิจซึ่งคุณคิดว่าคุณสามารถร่วมงานกับพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน
นี่คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ เราจะต้องก้าวจากจุดที่เรารู้อยู่แล้วว่าเรามีกระแสเงินสดวิ่งเข้ามาหา ไปยังการสร้างความลื่นไหลให้ตลาดสำหรับองค์กรของเรา เพื่อที่จะขยายองค์กรของเรานั้นให้เติบโตยิ่งขึ้นหรือก้าวไปสู่ธุรกิจอื่น เมื่อเราได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งเชื่อมต่อกันได้อย่างไร เราจะสามารถควบคุมกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการที่เราเปิดตัวธุรกิจขึ้นมาและเฝ้ารอให้ธุรกิจวิ่งมาหาเราถึงหน้าประตูบ้านอย่างสิ้นเชิง
เฮเธอร์ดูตัวอย่างจากรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) ของทีมซูเปอร์แคมป์อเมริกา และรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) ที่ทีมของพวกเราใช้ในบาหลี แล้วเธอก็ใช้วิธีจัดตั้งโครงการทุนการศึกษาให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง และโครงการของเธอก็ได้รับการพูดถึงอย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะที่เรื่องการศึกษาเป็นหัวข้อหลักที่ถูกพูดถึงในออสเตรเลียเฮเธอร์ก็ได้ก่อตั้งโครงการซูเปอร์แคมป์ เพื่อเป็นทางเลือกในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ และเผยแพร่ออกไปยังสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความสนใจให้สังคมความสนใจดังกล่าวทำให้เธอได้มีโอกาสออกไปพูดเกี่ยวกับซูเปอร์แคมป์ในงานสัมมนาและงานประชุมต่างๆ
ผลลัพธ์ที่ได้ ไม่เพียงแต่มีคนมาสมัครเข้าค่ายซูเปอร์แคมป์ของเฮเธอร์เป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่เธอยังได้ลูกค้าสำหรับบริษัทอีโมชั่นแนล เอนเตอร์ไพรซ์ (Emotional Enterprise) ของเธออีกด้วย แทนที่เฮเธอร์จะต้องประสบปัญหาในการวิ่งตามภารกิจ และไล่ตามเงินของเธออย่างเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต ตอนนี้เธอค้นพบแล้วว่าสิ่งที่ง่ายกว่านั้น คือการทำตามความต้องการที่แท้จริงของเธอ และยืนหยัดเพื่อสิ่งที่เธอเชื่อมั่นและความแตกต่างที่เธอต้องการสร้างขึ้น
เมื่อเฮเธอร์มีลูกค้าของบริษัทอีโมชั่นแนล เอนเตอร์ไพรซ์ (Emotional Enterprise) เพิ่มขึ้น การขยายการเติบโตของแคมป์ก็ทำได้ง่ายกว่าเดิมเพราะเครือข่ายที่ได้จากบริษัทลูกค้า ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียน และเนื่องจากเฮเธอร์ไม่ต้องการจดจ่ออยู่กับรายละเอียดมากนักเธอจึงยังคงใช้รูปแบบดั้งเดิมของซูเปอร์แคมป์โดยนำมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายในประเทศออสเตรเลีย เธอเรียนรู้ว่าทีมงานขนาดไหนที่เธอต้องการ จุดคุ้มทุนอยู่ที่ไหน และเธอควรทำหรือไม่ควรทำกิจกรรมอะไร
เฮเธอร์เข้าใจแล้วว่าผู้มีความเป็นอัจฉริยะแต่ละแบบนั้นทำอย่างไรเพื่อจะก้าวจากระดับสีส้มไปสู่ระดับสีเหลือง เมื่อคุณสร้างเอกลักษณ์ของตัวคุณเองและมีความชำนาญในตลาดของคุณแล้ว คุณจะสามารถค้นพบวิธีที่จะเชื่อมต่อกับคนอื่นที่คุณคิดว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้กับพวกเขาได้ และยังได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขาโดยที่ไม่ต้องลงมือทำเองอีกด้วยคุณค่าของคุณอาจจะเป็นพลังทวีสำหรับผู้อื่น ดังนั้นจึงมีหนทางที่จะเข้าร่วมกับผู้อื่นเสมอ
รายละเอียดแบบเจาะลึกสามารถอ่านได้จากหนังสือ?The Millionaire Master
เวอร์ชั่นแปลไทยชื่อ?แผน 9 ขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี ที่นี่
สรุป Wealth Spectrum ระดับส้ม
หมวดหมู่ : | ระดับพื้นฐาน |
ระดับ : | สีส้ม |
อันดับ : | 3 จาก 9 |
ตัวชี้วัด : | มีกระแสเงินสดที่เป็นบวกแต่เป็นเงินที่คนอื่นคุมอยู่ |
สถานะ : | ผู้ใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ |
บุคลิกลักษณะ : | มีความมานะ; การเข้าร่วม, และมีบทบาท |
สิ่งที่ทำให้เลื่อนขั้น : | กำหนดตัวตนของคุณ (Personal brand); พัฒนาความชำนาญเฉพาะตัว |
ฉันมาอยู่ในระดับนี้ได้อย่างไร : | ความรู้; ทัศนคติ; การพึ่งพา |
ฉันจะรักษาระดับนี้อย่างไร : | ค้นหาความปรารถนาอันแรงกล้าของคุณให้พบ; กำหนดมาตรฐานของตน; เกาะกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) ไป |
ฉันจะเลื่อนระดับได้อย่างไร : | สร้างเอกลักษณ์ของคุณ; สร้างความชำนาญในตลาดของคุณเอง; สร้างจังหวะแห่งการทำเงิน |
คุณค่าของฉัน : | คุณมีคุณค่าในตัวเอง; มีทิศทางในการดำเนินชีวิต; ได้รับการยอมรับ |
ต้นทุนของฉัน : | ภาระผูกพัน; ความกลัว; ความอิจฉา |
บทบาทของระดับนี้ : | ทำงานตามกลไกที่ถูกกำหนดไว้; ผู้ใช้แรงงาน |
รางวัลของผู้อยู่ในระดับนี้ : | ได้เงินตอบแทนจากการลงทุนเวลาและความอุตสาหะ |
JOIN FREE! Click >>?Wealth Spectrum VIP
กลุ่ม VIP บนเฟซบุ๊ค เพื่อเรียนรู้แบบเจาะลึกผ่านบทความและวีดีโอเนื้อหาสุดแน่นในชุมชนของเรา
REGISTER! Click >>?Wealth Spectrum Course Online
ลึกได้อีกกับคอร์สออนไลน์ Wealth Spectrum ที่จะพาคุณเขียนแผนที่ความมั่งคั่งในแบบของคุณ ที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติจริงได้ทันที
เรียนรู้ Wealth Spectrum ในระดับต่าง ๆ
ระดับ?ใต้สีแดง เหยื่อผู้ตกอยู่สุดก้นเหวแห่งความมั่งคั่ง
ระดับ?สีแดง นักดิ้นรน สู้สุดกำลังเพื่อต่อลมหายใจแบบวันต่อวัน?
ระดับ?สีส้ม มนุษย์งาน ผู้พอกินพอใช้ภายใต้การทำงานหนัก
ระดับ?สีเหลือง ผู้เชี่ยวชาญ มีกินเหลือเก็บและทำงานคนเดียว
ระดับ?สีเขียว นักดนตรีนำ ผู้คุมทีมเพื่อประสานกระแสแห่งความมั่งคั่ง
ระดับ?สีฟ้า วาทยากร ผู้นำกองทัพนักดนตรีประสานกระแสแห่งความมั่งคั่ง
3 ระดับสเปคตรัมสูงสุด?รวมกันที่นี่?
- สีคราม ผู้พิทักษ์สิทธิ์ เจ้าของหน่วยธุรกิจสร้างความมั่งคั่งอยู่ในกรรมสิทธิ์
- ระดับ สีม่วง?นักประพันธ์ ผู้ทรงอิทธิพลที่สามารถสร้างแรงสะเทือนทั้งอุตสาหกรรม
- ระดับ สีม่วง นักสร้างตำนาน ผู้ที่เงินไม่ใช่ปัญหาและมีชีวิตอยู่เหนือกาลเวลา?