พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
สำหรับในวันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่อง สร้างคอนเท้นท์ยังไง ให้มีไอเดียใช้ได้ทั้งปี (ตอนที่ 2) ซึ่งถ้าหากใครที่ยังไม่ได้อ่าน ตอนที่ 1 ก็สามารถยอดกลับไปอ่านกันได้
ซึ่งเทคนิคทั้งตอนที่ 1 และตอนที่ 2 นี้ ถ้าหากใครได้อ่าน และทำความเข้าใจให้ดี ผมรับประกันเลยว่าเราจะสามารถนำเอาไปสร้างคอนเท้นท์ได้อย่างไม่ยากเย็น โดยที่ไอเดียต่าง ๆ จะไม่มีทางตีบตันเลยทีเดียว หรือถ้าหากใครที่จ้างเอเจนซี่อยู่ ก็สามารถเอาแนวทางตรงนี้ไปบอกกับเอเจนซี่เพื่อให้ได้แนวทางที่เราต้องการ
สำหรับแนวทาง สร้างคอนเท้นท์ยังไง ให้มีไอเดียใช้ได้ทั้งปี (ตอนที่ 2) ก็มีด้วยกัน ดังนี้

1. Statistic – สถิติที่น่าสนใจในธุรกิจของคุณ
ถ้าใครทำธุรกิจแล้ว เรามีสถิติที่น่าสนใจ ก็สามารถที่จะนำมาทำคอนเท้นท์ได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง
- สถิติของผู้ประกอบการโรงแรมที่น่าสนใจ ในช่วงโควิด 19
- สถิติของร้านค้าที่ยิง Ads แล้วขายดี ต้องมีอะไรบ้าง
- สถิติที่น่าตกใจว่าคุณสามารถรวยได้ภายใน 4 ปี
สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างสถิติที่คนทั่วไปมีความสนใจ ไม่เคยรู้มาก่อน และเมื่อรู้แล้วก็อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ถึง คนเท้นท์ประเภทนี้คนจะให้ความสนใจมาก ดังนั้น ถ้าใครเป็นคนที่ชอบเก็บข้อมูลในเชิงสถิติ ก็สามารถจะนำเสนอไปในแนวทางนี้ได้ไม่ยาก
2. Event schedule – ตารางกิจกรรมที่น่าสนใจ
เรื่องของตารางวัลการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งผู้คนให้ความสนใจ เราก็สามารถนำเอามาทำเป็นคอนเท้นท์ได้ เช่น
- ตารางงานสอนประจำเดือนกันยายน ของโซอี้
- ตารางกิจกรรมประจำเดือนกันยายนของ Smash Gym
- ตารางกิจกรรม Siam Paragon ในเดือนนี้
3. Response to feedback – ตอบสนองคอมเมนท์
เราจะเจอคอนเท้นท์แบบนี้ใน tiktok เพราะปัจจุบันนี้ การนำเสนอ VDO ที่ไม่ยาวมากถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะชอบอะไรที่ง่ายและเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาในการรับชมอะไรนาน ๆ ดังนั้น การนำเสนอ VDO ใน tiktok จะไม่สามารถปูบริบทอะไรได้มากนัก ก็เลยจะมีคนมาคอมเม้นท์กันต่อที่ด้านล่างของ VDO
หลังจากนั้นก็จะเอาสิ่งที่มีคนคอมเม้นท์นั้นแหละ เลือกมาทำเห็นคอนเท้นท์ต่อไป เช่น พวกคลิปที่เป็นการโชว์ความสามารถพิเศษ ก็จะมีคนมาคอมเม้นท์ว่าให้ลองทำแบบนั้น แบบนี้ดูว่า เจ้าของคลิปก็จะเลือกเอาคำแนะนำติชมต่าง ๆ มาสร้างเป็นคอนเท้นท์เรื่องต่อไป
ซึ่งแสดงให้เราเห็นว่า สิ่งที่ผู้ติดตามของเราได้คอมเม้นท์ ก็ถือเป็นแหล่งข้อมูลให้เรานำเอามาทำคอนเท้นท์ได้ด้วยเช่นกัน

4. Best practice – การปฏิบัติที่ได้ผลลัพธ์มากที่สุด
จะเป็นการบอกว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น
- 30 สิ่งที่นำไปใช้แล้วได้ผลลัพธ์มากที่สุดในธุรกิจอาหารเสริม
- 20 วิธีการออกกำลังในบ้านที่ได้ผลลัพธ์โดยไม่ต้องพึ่งเทรนเนอร์
ต้องบอกว่าคอนเท้นท์เหล่านี้ได้รับความนิยมมากใน tiktok เพราะกระแสของคนรักษาสุขภาพและการออกกำลังกายมีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
5. Buyer’s guide – คู่มือการการซื้อสินค้า
คอนเท้นท์รูปแบบนี้จะเป็นลักษณะของการสร้างเนื้อหาที่เป็นคู่มือสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น
- คู่มือการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเงิน 20,000 บาท
- คู่มือการเขียน content สำหรับคนไม่มีไอเดีย
- คู่มืออาหาร Michelin 1 ดาวใน Hong Kong
6. Top 10 list – รายชื่อ Influencer ติดอันดับประจำเดือน
เป็นคอนเท้นท์จัดอันดับ ในเรื่องต่าง ๆ ที่มีความน่าสนใจ ซึ่งคอนเท้นท์ลักษณะนี้ผมเองก็ได้มีโอกาสทำเยอะพอสมควร เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งผมได้ซื้อซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า Fanpage Karma มาใช้ ซึ่งซอฟต์แวร์มีความสามารถในการติดตามโซเชียวมีเดีย เพื่อดูว่าบัญชีไหนกำลังได้รับคนสนใจ ผมก็จะทำคอนเท้นท์จัดลำดับ เช่น จัดอันดับนักพูด, แบรนด์อสังหาริมทรัพย์, แบรนด์เครื่องสำอาง เป็นต้น

7. Check list – รายการสิ่งที่ต้องทำ หรือเตรียมตัว
เป็นการทำคอนเท้นท์สำหรับการเตรียมตัวเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่าง เช่น
- 10 หนังสือที่ควรอ่านก่อนสอบสัมภาษณ์ Flight attendant
- 20 รายการสินค้าที่ควรซื้อก่อนไปเที่ยวป่า
8. Beginner’s guide – คู่มือสำหรับมือใหม่
เป็นคอนเท้นท์สำหรับบอกคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ หรือคนที่เป็นมือใหม่ในบางเรื่อง เช่น
- คู่มือการทำตลาดบน Tiktok
- Clubhouse Influencer เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็น Influencer แนวหน้าภายใน 30 วัน
9. Recap – สรุปภาพรวมประจำปี
เป็นคอนเท้นท์สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น ๆ ว่ามีอะไรสำคัญ ๆ เกิดขึ้นบ้าง เช่น
- สรุปสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมประจำปี 2020
- สรุปแคมเปญการตลาดที่น่าสนใจในปี 2021
- สรุปเหตุการณ์สำคัญของตลาดกล้องประจำปี 2021

10. List of famous quote – รายการของคำคมคนดัง
เช่น
- 30 แรงบันดาลใจของวัยรุ่นสร้างตัว
- 20 คำคมที่ทำให้คุณกลายเป็นที่รักของผู้อื่น
- 50 ข้อคิดของนักธุรกิจที่เกิดมายากจน
11. Insider knowledge – ความรู้ของคนวงใน
ปัจจุบันนี้บริษัทในสังคมมันเปลี่ยนไป แล้วทุกคนค่อนข้างจะรู้เยอะขึ้น เรื่องบางเรื่องอาจจะใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้ แต่สำหรับเนื้อหาที่เป็นความรู้เฉพาะด้านของคนในวงการต่าง ๆ ก็ยังถือเป็นสิ่งที่คนให้ความสนใจ เพราะวันนี้คนรู้เยอะก็จริง แต่จะหาคนที่รู้ลึกรู้จริงค่อนข้างยาก ดังนั้น คอนเท้นท์ประเภทความรู้ของคนวงในก็เช่น
- 5 เทคนิคของการเลือก CRM ที่นักขายไม่อยากให้คุณรู้
- 10 รายชื่อแหล่งซื้อของต่อเติมบ้าน ที่ IKEA ไม่อยากให้คุณรู้
- 5 เวบไซต์การตลาดที่เทรนเนอร์คนไทย ไม่อยากให้คุณรู้
- หนังสือ หักหลังผู้ชาย
และผมอยากจะแนะนำว่า เวลาที่เราจะสร้างคอนเท้นท์ลักษณะนี้ อย่าไปใช้คำว่า “5 ความลับของ….” เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คำว่า “ความลับ” ถูกเอามาใช้เยอะมาก ๆ ในการสร้างคอนเท้นท์ จนทำให้ผู้คนเกิดความเฉย ๆ กับคำนี้แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าน่าสนใจแต่อย่างใด
12. Life lessons – บทเรียนชีวิต:
เป็นคอนเท้นท์ของคนที่เคยผ่านเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในชีวิต และอยากจะเอาบทเรียนนั้นมาถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้ เช่น
- 40 บทเรียนของผู้ใหญ่วัย 40
- 30 บทเรียนธุรกิจที่คุณควรใช้ตั้งแต่วัย 30
- ประสบการณ์ของการมีแฟน 100 คน ภายใน 10 ปี

13. Jargon – คำศัพท์เฉพาะในอุตสาหกรรม
เวลาเราอยู่ในอุตสาหกรรมอะไรก็แล้วแต่ มันจะมีคำศัพท์เฉพาะ คำศัพท์เทคนิคที่คนนอกวงการไม่เข้าใจ ดังนั้น เราสามารถที่จะดึงเอาเรื่องพวกนี้มาทำเป็นคอนเท้นท์ได้ เช่น
- 10 คำศัพท์ที่คุณควรรู้ก่อนซื้อไฟสตูดิโอ
- 10 คำศัพท์ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจจ้าง Digital Agency
14. Share interesting link – แชร์บทความที่น่าสนใจ
ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน อย่างที่ผมติดตามอยู่ก็จะมี เพจที่มีชื่อว่า กระทู้เด็ดพันทิป ซึ่งเพจนี้จะชอบนำเอากระทู้ดราม่ามาแชร์ หรือเราอาจจะเอาบทความของกูรูผู้รู้ต่าง ๆ มาแชร์แล้วก็สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ และชี้เป้าว่าเขาสามารถตามกลับไปอ่านต้นฉบับได้ที่ไหน
15. Give away – กระทู้แจกของ
เป็นคอนเท้นท์ที่เล่นง่ายที่สุด คือหาของมาแจกซะเลย เช่น
- iAumReview ล่าสุดบอกว่าถ้ามีการเปิดตัว iPad mini จะมีการซื้อแจก 1 เครื่อง
- แม่ค้าออนไลน์ Live แจกเงินให้กับคนเข้าดู
- แจกของเมื่อตอบคำถาม หรือร่วมสนุกในรายการ
และทั้งหมดนี้ก็คือ สร้างคอนเท้นท์ยังไง ให้มีไอเดียใช้ได้ทั้งปี (ตอนที่ 2) ซึ่งถ้ารวมกับเมื่อตอนที่ 1 ก็จะถือว่าผมได้แบ่งปันเทคนิคการสร้างคอนเท้นท์ไปถึง 30 แนวทางเลยทีเดียว ซึ่งรับรองได้ว่าถ้าใครได้อ่านแล้วจดจำเอาไปใช้ ก็จะสร้างมาสร้างคอนเท้นท์ได้อย่างหลากหลาย และเอาไอเดียมาใช้เป็นปี ๆ ก็ยังไม่หมดแน่นอน