พอล ณัฐศิษฏ วาจาสิทธิศิลป์
การเตรียมตัวเพื่ออนาคตคือสิ่งที่สำคัญของคนในยุคปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และถือเป็นรอยต่อแห่งการปฏิวัติยุคสมัยเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าเราสังเกตดูจะเห็นได้เลยว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และมีอิทธิผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ถ้าวันนี้เราไม่รู้ว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโลกจะเป็นอย่างไร โลกต้องการอะไร เราก็ไม่สามารถที่จะพาตัวเองไปยืนอยู่ในจุดที่เข้าถึงโอกาสได้ การผลิต การสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ก็จะไม่ตรงตามความต้องการของโลก…เมื่อโลกไม่ต้องการ…มันก็ขายไม่ได้
ดังนั้น วันนี้ผมจะมาพาพวกเรามองไปอีก 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้เรารู้ว่าในปี 2020 มีอาชีพอะไรบ้างที่โลกต้องการ ซึ่งถ้าเรามีวิสัยทัศน์ เราก็จะเตรียมตัวได้ทัน
1. AI (Artificial Intelligence)
AI หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่จะมาแน่ ๆ ในโลกอนาคต เพราะปัจจุบันนี้ก็ได้มีการนำเอา AI ไปใช้งานในด้านต่าง ๆ และจะยิ่งเพิ่มความสามารถให้ AI มีความเฉลียวฉลาดมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ
โดยในปี 2030 อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็จะเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ นักพัฒนา AI หรือกระทั่งนักลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับ AI เพราะในอนาคต AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของเราอย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI , เลขาส่วนตัวหรือผู้ช่วยของเราที่เป็น AI เป็นต้น
ดังนั้น วันนี้ถ้าเราไม่ได้เป็นนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ เราต้องมาคิดแล้วว่า ธุรกิจของเราในตอนนี้ หรืออาชีพของเราจะไปมีส่วนร่วมอะไรกับ AI ได้บ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้นักธุรกิจแนวหน้าระดับประเทศ หรือระดับโลก ต่างก็ขยับเข้าหา AI กันหมดแล้ว
2. Data Scientist
อาชีพที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะมีความสำคัญมากในอนาคต ก็คือ Data Scientist หรือ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ได้เชื่อมโลกทั้งใบเข้าหากัน ก็ให้เกิดการถ่ายโอนข้อมูล และสร้างชุดข้อมูลขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าทุกวันนี้ ที่คนทั่วโลกได้สร้างชุดข้อมูลใน 1 วันนั้น มีปริมาณเทียบเท่ากับการที่มนุษยชาติบันทึกข้อมูลเป็นระยะเวลา 1 แสนปีเลยทีเดียว นี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงชุดข้อมูลที่มีเยอะมาก และถ้าหากไม่มีการจัดสรร ชุดข้อมูลเหล่านี้ก็จะเป็นเพียงขยะ แต่ถ้าหากมีการคัดกรองชุดข้อมูล แปลความหมาย และจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ชุดข้อมูลที่มีคุณภาพเหล่านี้ จะมีค่ายิ่งกว่าทองคำเลยทีเดียว
ดังนั้น ในอนาคตอาชีพนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักคณิตศาสตร์ นักสถิติ จะมีความสำคัญมาก เพราะคนเหล่านี้จะมีหน้าที่ในการแปลข้อมูลต่าง ๆ ให้กลายเป็นสิ่งมีค่าในการทำธุรกิจ เพราะในอนาคตธุรกิจที่อยู่รอด จะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าว่ามีลักษณะอย่างไร เพื่อให้สามารถสร้างสินค้า และวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ลูกค้าจ่ายเงินซื้อสินค้า และซื้อบ่อยขึ้น มากขึ้น
ในวันนี้ เราต้องกลับมาดูแล้วว่าบริษัทของเรามีระบบการจัดเก็บ วิเคราะห์และบริหารข้อมูลแล้วหรือยัง…
3. Blockchain
Blockchain คือระบบอินเตอร์เน็ตแบบยุคใหม่ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพราะต่อไปการทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ จะสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องผ่านคนกลาง เช่น การยืนยันสิทธิ์ว่าใครเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ที่ดิน ก็ไม่ต้องไปทำที่กรมที่ดินกันอีกแล้ว หรือในกิจกรรมที่ต้องมีคนกลางต่าง ๆ เช่น การแจ้งเกิด แจ้งตาย Blockchain ก็สามารถที่จะเข้ามาเป็นคนกลาง ทำหน้าที่จัดการข้อมูลตัวนี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่า ธุรกิจที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ๆ ต่าง ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร สำนักงานเขต นายหน้าขายประกัน นายหน้าขายหุ้น เป็นต้น
ดังนั้น คนที่อยู่ในอาชีพที่มีลักษณะเป็นตัวกลางต่าง ๆ ถ้าวันนี้ไม่เริ่มปรับตัว ก็คงจะอยู่รอดได้อยากในอนาคต
4. Machine Learning
เป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ที่จะนำไปใช้งานร่วมกับตัว AI เพราะเป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้ AI มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่สอนให้ AI เรียนรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ซึ่งเทคโนโลยีนี้เคยทำงานร่วมกับ AI ในการเรียนรู้วิธีการเดินหมากล้อม แล้วสามารถเอาชนะแชมป์โลกได้แล้วด้วย
โดย “โกะ” หรือหมากล้อมถือเกมที่คนเราต้องฝึกกันเป็นเวลานานกว่าที่จะมีความชำนาญจนเป็นแชมป์โลกได้ แต่เจ้า AI กับตัว Machine Learning นั้นใช้เวลาฝึกเพียงไม่กี่ปี ก็สามารถที่จะเอาชนะแชมป์โลกได้แล้ว รวมถึงหลังจากนั้นไม่นาน AI รุ่นใหม่ ก็สามารถที่จะเอาชนะ AI รุ่นเก่าได้ หลังจากเรียนรู้ร่วมกับ Machine Learning ในระยะเวลาไม่กี่วันเท่านั้น
ดังนั้น ต่อไปหุ่นยนต์จะมีความฉลาดมากขึ้น และเราเรียนรู้ได้เร็วกว่ามนุษย์ ซึ่งในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใช้งานหุ่นยนต์ สุดท้ายเราจะกลายเป็นคนตกยุค และจะเหลืองานให้เราได้ทำน้อยมาก
5. Decentralized Finance
โลกในอีก 10 ปีข้างหน้า ระบบการเงินจะเข้าสู่การทำธุรกรรมรูปแบบใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้สถาบันการเงินต่าง ๆ มีความจำเป็นลดน้อยลง และจะไม่ได้ถือเป็นโครงสร้างหลักของการทำธุรกรรมต่าง ๆ อีกแล้ว เพราะรูปแบบธุรกิจกรรมจะเข้าสู่ยุคของ Blockchain ถ้าหากวันนี้ใครยังไม่รู้เรื่องนี้ จะต้องรีบไปเรียนรู้และทำความเข้าใจโดยด่วน ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นคนที่ปรับตัวได้ช้า และไม่ทันกระแสการเปลี่ยนแปลง
6. Virtual reality กับ Augmented Reality
Virtual reality หรือ VR เป็นเทคโนโลยีที่จำลองให้เราเข้าไปอยู่ในโลกเสมอจริง เมื่อเราใส่แว่น VR แล้วมองออกไป เราจะเห็นอีกโลกหนึ่ง หรือสถานที่ใด สถานที่หนึ่งก็ได้ ที่มีการตั้งระบบเอาไว้ ซึ่งจะทำให้เรารับประสบการณ์พิเศษที่ไม่ต่างอะไรกับการที่เราได้เข้าไปอยู่ตรงนั้นจริง ๆ โดยเทคโนโลยีนี้สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งในแง่ความบันเทิง เช่น การเล่นเกม, การท่องเที่ยว, การดูภาพยนตร์ หรือการชมคอนเสิร์ต รวมถึง ยังสามารถนำมาใช้ในการทำธุรกิจได้ เช่น โครงการบ้านจัดสรรต่าง ๆ อาจจะประยุกต์เอาเทคโนโลยีนี้ไปนำเสนอให้ลูกค้าได้เห็นภาพก่อน ว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วหมู่บ้านจะมีลักษณะอย่างไร บ้านจะมีรูปแบบรูปทรงอย่างไร ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ส่วนเทคโนโลยี Augmented Reality จะเป็นรูปแบบหนึ่ง คือเป็นแว่นที่เมื่อเราสวมเข้าไปแล้ว แว่นจะแสดงผลให้เราเห็นข้อมูลต่าง ๆ แจ้งขึ้นมาในแว่น เช่น ถ้าเราเดินเข้าไปในเมือง ผ่านร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ ระบบก็จะแจ้งเตือนทำให้เรามองเห็นผ่านแว่นได้เลยว่าร้านไหนมีอาหารอร่อย มีโปรโมชั่นดี ๆ หรือ เรายังสามารถนำเอา Augmented Reality ไปใช้ในการนำทางได้ว่า เราต้องการไปที่จุดหมาย เราจะต้องเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาอย่างไร ซึ่งเราจะเห็นได้เลยผ่านแว่น และในอนาคตยุคแห่งโทรศัพท์มือถือก็จะค่อย ๆ หมดไป แต่เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาแทน
ดังนั้น วันนี้ถ้าหากเราสร้างเทคโนโลยีไม่ได้ เราก็ต้องถามตัวเองว่าเราจะสามารถมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีนี้ได้อย่างไร
7. 3D Printing
จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่สำหรับในยุคต่อไป 3D Printing จะไม่ใช่แค่พิมพ์ของเล่นอีกแล้ว เพราะตอนนี้ก็มีแผนที่จะนำเอา 3D Printing ไปใช้ในอวกาศด้วย เพราะว่าในกรณีที่มีอุปกรณ์บางอย่างชำรุด เราก็จะสามารถเอา 3D Printing ไปขึ้นรูปพิมพ์ชิ้นส่วนนั้น เพื่อซ่อมยานอวกาศได้เลย นี้คือเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ 3D Printing จะมีความแพร่หลาย และถูกนำไปใช้ในงานอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นด้านวิศวกรรม ด้านการแพทย์ เป็นต้น
8. Biotechnology
ในอนาคตเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพจะเป็นสิ่งที่มีความก้าวหน้า และจะได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากว่าเมื่อจำนวนประชากรโลกเพิ่มมากขึ้น สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมลง เราก็จำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรม เพื่อให้เรามีพืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ให้ได้พืชที่มีผลผลิตสูง ไม่เช่นนั้นแล้ว ประชากรโลกก็จะเกิดภาวะขาดแคลนอาหารได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็เริ่มมีการทำเนื้อสังเคราะห์ขึ้นมาแล้ว โดยไม่ได้เป็นเนื้อสัตว์จริง ๆ แต่มีลักษณะและรสชาติแบบเนื้อที่เรานำมาประกอบอาหารได้
ดังนั้น ถ้าวันนี้ใครที่อยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร เราได้คิดไว้หรือยังว่าจะใช้เทคโนโลยีนี้มาพัฒนาธุรกิจของเราได้อย่างไร
9. Nanotechnology
เป็นเทคโนโลยีที่มีขนาดเล็กมาก ๆ เช่น หุ่นยนต์ขนาดเล็ก ที่สามารถฉีดเข้าไปในร่างกายมนุษย์ได้ เพื่อทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส หรือไปซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้เทคโนโลยีขนาดเล็กยังสามารถที่จะเอาไปผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
10. Medical technology
เป็นเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพ และการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การตรวจสอบโรคทางไกลผ่านระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งในอนาคต เวลาที่เราไม่สบาย เราก็อาจจะไม่ต้องไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลแล้วก็ได้ เพียงแค่เรามีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวัดสุขภาพ แล้วส่งข้อมูลที่วัดได้ไปให้กับคุณหมอ ซึ่งคุณหมอก็จะทำหน้าที่ในการวิเคราะห์โรคให้กับเราได้ในระยะไกล เป็นต้น
11 drone affairs
เป็นเรื่องของการเดินทางด้วยอากาศยาน ซึ่งไม่ใช่เครื่องบิน ซึ่งธุรกิจนี้จะมีทั้งการขนส่งคน และขนส่งสิ่งของ อย่างที่เราได้ยินข่าวของการนำเอาโดรนมาใช้เพื่อส่งของในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปหลายเท่าตัว หรือแม้กระทั่งในการขนส่งคน ก็เริ่มมีแนวโน้มว่าธุรกิจนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งจะทำให้รูปแบบวิถีชีวิตและการเดินทางสัญจรของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ดังนั้น ถ้าหากใครที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจด้านการคมนาคม ขนส่ง โลจิสติกส์ต่าง ๆ ก็ต้องมองแล้วว่าจะปรับตัวไปอย่างไร ในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
และทั้งหมดนี้ก็คือ โลกต้องการอาชีพอะไรในปี 2030 ซึ่งผมอยากจะแนะนำว่า ก่อนที่สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันจะมาถึง เราจะต้องมองให้ออกแล้วว่า เราจะอยู่ตรงไหน ในสมการทางธุรกิจเหล่านี้ เพื่อที่ให้ธุรกิจของเราอยู่รอด และปรับตัวไปกับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น หรือกระทั่งเอากระแสตรงนี้มาหนุนส่งให้ธุรกิจของเราเติบโตมากยิ่งขึ้น ก็สามารถเป็นไปได้ ถ้าหากเราเริ่มก่อน รู้ก่อน และปรับตัวได้ก่อน