คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานภาพทางการเงินอันน่าเหน็ดเหนื่อยหรือไม่ครับ? กล่าวคือคุณทำงานอย่างเต็มที่และทำหนักมากทั้งทำงานหลักและงานเสริมเพื่อหวังยกระดับรายได้ของตนเอง อย่างไรก็ดี ความเหนื่อยของคุณช่างไม่คุ้มค่า แม้จะได้เงินมากขึ้นแต่เงินนั้นก็พอใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นแบบเดือนชนเดือน

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่โชคชะตา แต่มีเหตุปัจจัย และเหตุปัจจัยหลัก ๆ มาจากคุณเป็นผู้กำหนด! คุณมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ใช้ชีวิตใน Red หรือ ระดับสีแดง อันเป็นการนิยามความมั่งคั่งตามศาสตร์ของ Wealth Spectrum และต่อไปนี้คือทางออกของคุณครับ

ภาพรวมของ Wealth Spectrum ระดับสีแดง

Wealth Spectrum ระดับที่ 2 Red หรือ ระดับสีแดง คือกลุ่มคนที่อยู่ในสถานะ หนูติดจั่น (Rat Race) ไม่จำเป็นต้องเป็นคนหาเช้ากินค่ำเสมอไป เพราะเจ้าของกิจการที่ดูดี บ้านหลังใหญ่ รถคันงาม แต่หาเงินได้เท่าไรใช้จ่ายหมดเท่านั้น โดยไม่เหลือเก็บเลยก็นับว่าเป็นกลุ่ม Red ทั้งสิ้น ไปดูกันว่า กลุ่มนี้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และจะก้าวผ่านไปได้อย่างไร

ตัวชี้วัดของผู้อยู่ในระดับสีนี้

กระแสเงินสดไม่ขาดแต่ก็ไม่เกินในแต่ละเดือน

ไม่ว่าคุณจะทำงานประจำ หรือธุรกิจส่วนตัว หากกระแสเงินสดของคุณไม่ขาดไม่เกินในแต่ละเดือนก็นับว่าคุณอยู่ในระดับสีแดง บุคคลที่อยู่ในระดับสีแดงอาจจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่และใช้จ่ายในการท่องเที่ยววันหยุดในราคาแพงได้ แต่ถ้าพวกเขาอยู่ในระดับสีแดง พวกเขาก็อยู่ในจุดที่อันตรายอยู่ดี ความอดรนทนไม่ได้ที่จะใช้จ่ายหรือการนำเงินในอนาคตมาใช้ทำให้คุณไม่มีเงินเหลือเก็บอยู่เสมอ ถึงแม้คุณจะทำงานหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัวหรือหาเงินได้มากขึ้นเป็นสองเท่าก็ตาม

สถานะ หรือสภาวะของผู้อยู่ในระดับสีนี้

นักวิ่งบนสายพาน

สถานะของระดับสีแดงนั้นเหมือนกับนักวิ่งบนสายพานที่ต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่การวิ่งนั้นก็แค่เพื่อให้ตัวเองเสมอตัว นอกจากนี้คุณยังต้องเผชิญกับความวิตกกังวลไม่ต่างจากการขับรถที่เข็มมาตรวัดน้ำมันนั้นตกลงมาถึงขีดแดงแล้ว รถยังคงวิ่งได้อยู่แต่คุณก็ต้องกระวนกระวายใจมองหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด หากจิตใจของคุณจดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ คุณก็ไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์หรือเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีให้กับใครได้ และนั่นหมายความว่าความจดจ่อในการวิ่งเพื่ออยู่กับที่ของคุณทำให้คุณพลาดที่จะเห็น และตอบสนองต่อโอกาสทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

คุณมาอยู่ในจุดนี้และจะรักษาระดับนี้ได้อย่างไร?

ตรวจสอบการเงินของคุณ

คุณรู้ดีว่าคุณสามารถใช้จ่ายได้เท่าไร (แม้สิ่งที่ต้องทำจะเป็นแค่การตรวจสอบยอดเงินในบัญชีก็เถอะ) และคุณก็มีมาตรฐานในใจที่จะไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่คุณไม่มี (ไม่เช่นนั้นคุณก็คงจะตกอยู่ในระดับใต้สีแดงแล้ว) นี่เป็นขั้นตอนแรกจากสามขั้นตอนที่ป้องกันไม่ให้คุณตกอยู่ในระดับใต้สีแดงแต่ก็ทำให้คุณไม่หลุดไปจากระดับสีแดงเช่นกัน การสร้างความมั่นใจว่ามีเงินแค่พอใช้ในแต่ละเดือนนั้นแตกต่างอย่างมากจากการแบ่งเงินส่วนพิเศษไว้สำหรับลงทุนและลงทุนซ้ำอีก

สัญญาว่าจะทำแล้วต้องทำ

บุคคลในระดับสีแดงมักจะไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมบางคนในระดับใต้สีแดงถึงยินดีที่จะเป็นหนี้มากขึ้น ๆ ในแต่ละเดือน คุณรู้ว่าในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องใช้หนี้เหล่านั้น การปฏิบัติตนในแบบของระดับนักเอาตัวรอดทำให้คุณมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในแง่นี้ หากคุณต้องทำงานพิเศษเพิ่มเพื่อให้เงินพอใช้คุณก็จะทำ

มีวินัยในการทำหน้าที่ของตน

ระดับสีแดงทำให้คุณต้องอุทิศตน เมื่อคนในระดับสีแดงผิดพลาดต่อหน้าที่ของตนเอง พวกเขามักจะตกไปอยู่ในระดับใต้สีแดง ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณชำระค่าผ่อนรถหรือค่าบัตรเครดิตหมดแล้ว หรือแม้กระทั่งตอนที่ลูก ๆ โตจนแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น คุณก็จะเลือกทำเรื่องที่เสี่ยงมากกว่าเดิม เช่นการทำธุรกิจ แล้วทันใดนั้นคุณก็กำลังถอยหลังลงคลอง หน้าที่ในการเอาตัวรอดทำให้เราจัดระบบอันดับความสำคัญใหม่แล้วเริ่มทำงานหนักและรักษาวินัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณเป็นอยู่นี้คือการทำหน้าที่เพื่อเอาตัวรอดหรือหน้าที่ที่จะทำให้ตัวเองดูมีฐานะมั่งคั่งซึ่งแตกต่างจากหน้าที่ที่คุณต้องปฏิบัติตนเพื่อความมั่งคั่งในอนาคตของคุณเอง

คุณจะเลื่อนไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อย่างไร

คุณสามารถเลื่อนจากระดับสีแดงไปยังระดับใดก็ได้ขึ้นอยู่กับระดับความเชี่ยวชาญของคุณ ตัวอย่างเช่นเศรษฐีนักธุรกิจซึ่งจ่ายให้ตนเองเพียงพอที่จะใช้จ่ายในแต่ละเดือนสามารถเริ่มจ่ายให้กับตนเองมากขึ้น (และจ่ายล่วงหน้าด้วย) และเขาก็จะก้าวกระโดดจากระดับสีแดงไปยังระดับสีเขียวทันที คนอื่น ๆ อาจจะเลื่อนจากระดับสีแดงไปยังระดับสีส้มหรือระดับสีเหลือง แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็ต้องทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

ค้นหาความปรารถนาอันแรงกล้าของคุณให้พบ

เหตุผลเดียวที่คุณยังอยู่บนสายพานวิ่งก็คือคุณไม่มีแรงจูงใจที่จะไปให้เร็วกว่าการอยู่กับที่ คุณกำลังใช้เวลาและใช้เงินแทนที่จะลงทุนด้วยเวลาและลงทุนด้วยเงิน จุดเปลี่ยนจะมาถึงเมื่อคุณเชื่อมต่อกลับเข้าไปสู่สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกยินดีปรีดาและทำให้คุณกระตือรือร้นที่จะทำให้มากกว่าแค่ทำตามหน้าที่ สิ่งนี้เรียกว่าความปรารถนาอย่างแรงกล้า (passion)

มีกระบวนการมากมายที่ช่วยให้คุณค้นพบความปรารถนาอันแรงกล้าของตนเอง เราสามารถแนะนำบางวิธีให้คุณได้และคุณก็สามารถค้นพบบางวิธีด้วยตนเองได้ เมื่อคุณลืมตาตื่นขึ้นมาในแต่ละวันที่คุณมีอาชีพหรือบทบาทในกิจการซึ่งสอดคล้องกับความปรารถนาอันแรงกล้าของคุณเอง คุณจะมีพลังงานในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มองเห็นโอกาสใหม่ๆ และสร้างเครือข่ายใหม่ๆ ด้วยวิถีทางที่คุณไม่มีทางทำได้หากยังต้องทำงานแค่เพื่อให้ได้เงินในปลายเดือน นี่คือก้าวแรกเพื่อหลุดพ้นจากระดับของนักเอาตัวรอด

กำหนดมาตรฐานของตน

สำนวน ?เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้? หมายถึงการพยายามใช้ชีวิตเทียมหน้าเทียมตาคนรอบตัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองคุณ คนส่วนใหญ่ติดกับอยู่ที่ระดับสีแดงเพราะพวกเขาเอาแต่กังวลว่าเพื่อนๆ จะคิดอย่างไรหากเขาเริ่มใช้เงินอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม เพื่อนของคุณจะรู้สึกไม่ชอบใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้หากพวกเขาก็อยู่ในระดับสีแดงเช่นกัน ส่วนคนที่อยู่ในระดับสีส้มหรือระดับที่สูงขึ้นไปจะแสดงความชื่นชมกับการเปลี่ยนแปลง นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังดำรงชีวิตด้วยมาตรฐานที่สูงกว่านั่นเอง

เป้าหมายคือสิ่งที่เราพยายามเอื้อมไปให้ถึง ส่วนมาตรฐานก็คือสิ่งที่เรายอมรับและปฏิบัติตาม คุณไม่มีทางเอื้อมถึงเพดานทั้งๆ ที่เท้ายังติดพื้นอยู่ การยกระดับมาตรฐานนั้นก็เหมือนการก้าวขึ้นบันไดจึงทำให้การแตะเพดานทำได้ง่ายขึ้น หาคำตอบว่าคุณจะไม่ยอมรับอะไรบ้างในวิธีการที่คุณใช้เวลา ใช้เงินและพลังงาน? คุณจะมีเงินสดสุทธิซึ่งกันไว้สำหรับลงทุนส่วนตัวในแต่ละเดือนเท่าไร? คุณจะเพิ่มเงินจำนวนนี้ได้อย่างไรในทุกๆ ปี? ไม่มีใครเป็นเศรษฐีได้หากมีมาตรฐานชุ่ยๆ (นอกเสียจากว่าเขาถูกล็อตเตอรี่ แต่ด้วยมาตรฐานชุ่ยๆ เงินนั้นก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว)

เกาะกระแสของความลื่นไหล (flow) ไป

การตามกระแสของความลื่นไหล (flow) นั้นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องริเริ่มกิจการหรือลงทุนแบบไม่จริงจังในตลาดหุ้น แต่มันเกี่ยวกับการค้นหาว่าคนอื่น ๆ อยู่ในกระแสของความลื่นไหล (flow) ที่ตรงไหน ที่ซึ่งมีการดึงดูดและมีเงินไหลเวียน และค้นหาว่าใครที่สอดคล้องกับความปรารถนาอันแรงกล้าของคุณ มีกลยุทธ์มากมายในการเชื่อมต่อที่ได้ผล จงเรียนรู้และนำไปใช้ ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดเมื่อพยายามจะก้าวหน้า แต่กลับต้องติดกับอยู่ในระดับสีแดงนั่นคือถึงแม้เงินจะหมุนเวียนผ่านผู้คนอื่น ๆ ในทุก ๆ วัน คนที่หลงผิดก็ยังคงพยายามหาทางออกด้วยตัวเองคนเดียวโดยไม่เชื่อมต่อกับกลุ่มคนที่มีเงินหมุนเวียนจำนวนมากอยู่ดี

กรณีศึกษา

ครั้งหนึ่ง เจ้าของหลักสูตร Wealth Spectrum (ผู้เขียนหนังสือ The Millionaire Master Plan) ให้คำปรึกษาแก่ เกรซ ไล

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ เกรซ ไล เรียนจบจากโรงเรียนแพทย์และได้เข้าทำงานประจำ ซึ่งนั่นเป็นจุดที่เธออยู่ในระดับสีแดง แต่เธอรู้สึกว่าการเป็นเพียงแค่แพทย์นั้นไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เธอเลย เมื่อ เกรซ พบว่าเธอมีความเป็นอัจฉริยะแห่ง การให้คำปรึกษา (Tempo) เธอจึงเชื่อว่าเธอน่าจะทำอาชีพเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นเกรซจึงเริ่มติดต่อกับคนที่เธอรู้จักที่เชื่อว่ามีประสบการณ์ในตลาดหุ้น แต่ปรากฏว่าคนเหล่านั้นเป็นแค่มือใหม่เพิ่งเริ่มต้นและยังไม่สามารถทำกำไรได้

เกรซถามผม (เจ้าของหลักสูตร Wealth Spectrum) ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดีที่?… ผมตอบไปว่าเธอไม่ควรข้องเกี่ยวกับตลาดหุ้นเลย ผมให้เธอถามตัวเองว่าคนอื่นไว้ใจให้เธอเอาเงินของพวกเขาไปลงทุนหรือเปล่า? ถ้ายังไม่สามารถตอบว่า ?ใช่? แล้วทำไมเธอถึงยังคิดจะเอาเงินตัวเองไปลงทุนอีก?

ผมบอกเกรซว่า การเรียนรู้กระแสการซื้อขายหุ้น (trading flow) ต้องใช้เวลา ดังนั้นเธอควรจะเลือกสิ่งที่เธอรู้สึกกระตือรือร้นที่จะทำจะดีกว่า ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) ชอบไอเดียของการกำหนดมาตรฐาน และเกาะกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) ปัญหาเดียวที่พวกเขามีคือ การค้นหาความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเองให้พบ คำถามสำหรับตัวเกรซเองก็คือ คุณจะก้าวออกจากระดับสีแดงได้อย่างไรในขณะที่คุณทำงานประจำแทนที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

ขั้นตอนที่ 1 : ค้นหาความปรารถนาอันแรงกล้าของคุณให้พบ

อย่าเลือกเส้นทางที่ผู้อื่นบอกกับคุณว่าเป็นทางที่ดีกว่า หรือทำเงินได้เร็วกว่า อย่าเดินตามเส้นทางที่มุ่งหน้าเพื่อหาเงินเท่านั้น จงมองหาคนที่อยู่ในเครือข่ายของคุณ และค้นหาดูว่าคุณปรารถนาอยากทำงานกับใคร ค้นหาคนที่คุณปรารถนาที่จะทำงานด้วยมากพอจนกระทั่งถึงแม้ว่าทำงานกับเขาแล้ว คุณอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านการเงินอย่างเต็มรูปแบบ แต่คุณก็ยังรู้สึกได้ว่าการทำงานนั้นเติมเต็มและสร้างพลังงานให้กับคุณ

สำหรับผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) อย่างเกรซ การก้าวออกจากระดับสีแดงไม่ใช่การค้นหายานพาหนะเพื่อขับขี่ให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่เป็นการค้นหาว่าเมื่อพบยานพาหนะชนิดไหนแล้วคุณอยากจะขับขี่มัน

ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) จะมองหารอบ ๆ ตัวเพื่อดูว่าพวกเขามีความปรารถนาในเรื่องไหน และ คำตอบสำหรับเกรซก็คือสิ่งที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง เธอหลงใหลในงานสายการแพทย์และเธอก็ยิ่งตื่นเต้นกับบริษัทที่น่าทึ่งหลาย ๆ แห่ง ในสายการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ และยารักษาโรคเฉพาะบุคคลที่กำลังสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยวิธีที่น่าตื่นเต้นใหม่ ๆ

ณ จุดนี้ เกรซเขียนภาพแห่งอนาคตของเธอ เธอเห็นภาพตัวเองกำลังระดมทุนเพื่อการลงทุนในเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยที่สุดซึ่งจะช่วยกำจัดโรคบางโรคให้สิ้นไป เธอกำลังสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำกำไรให้กับตัวเธอเองกับผู้ร่วมลงทุนของเธอ รวมถึงคนอื่น ๆ ที่กล้าเสี่ยงลงทุนเพื่ออนาคตของวงการแพทย์นี้

เกรซหลงรักภาพแห่งอนาคตของเธอมาก แต่ปัญหาก็คือเธอได้รับการเสนอชื่อเข้ารับทุนเพื่อศึกษาต่อ และผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) มักจะหลงทางเมื่อต้องใช้ดุลยพินิจกับทางเลือกลักษณะเช่นนี้ ผมจึงให้เธอลองนึกถึงภาพตัวเองในอีก 20 ปีหลังจากนี้ ?หากคุณเลือกที่จะเดินตามเส้นทางของคุณจริงๆ การยอมรับทุนการศึกษานั้นแล้วไปเรียนต่อ จะสร้างความแตกต่างให้ชีวิตของคุณไหม??

และเกรซก็ตระหนักว่าไม่ว่าเธอจะไปเรียนต่อหรือไม่ มันไม่ได้สร้างความแตกต่างให้ชีวิตเธอเลย ?เธอจะรายล้อมไปด้วยผู้คนซึ่งเธอเลือกที่จะทำงานด้วยหรือไม่ เมื่อเธอเรียนจบ?? เธอตอบว่า ?ไม่? ดังนั้นผมจึงถามเธออีกว่า ?ทางไหนที่คุณคิดว่าสำคัญสำหรับคุณล่ะ?? และคำตอบของเธอก็คือเงินลงทุน

เธอเริ่มสร้างบัญชีทวิตเตอร์ (Twitter) และสร้าง Blog บนเว็บไซต์ เพื่อติดตามข่าวสารและผู้คนที่อยู่ในแวดวงการแพทย์ล้ำสมัย เกรซก็ได้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับตัวเองตอนนี้ว่า เธอจะต้องหาทางออกไปยืนอยู่ต่อหน้าบุคคลและบริษัทที่เธออยากจะทำงานด้วย และนั่นจะนำพาเธอไปสู่ขั้นตอนที่ 2

ขั้นตอนที่ 2 : กำหนดมาตรฐานของตนเอง

อย่ามัวแต่ฝังตัวเองอยู่กับการค้นหาและรวบรวมรายละเอียดข้อมูลละเอียดยิบ หรือหาคำแนะนำจากหลาย ๆ คนถึงจะเริ่มลงมือทำได้ จงใช้ความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำแนะนำ (Tempo Genius) เพื่อผสมผสานการค้นคว้าและการเชื่อมต่อกับคนที่อยู่ในกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) ในสายงานที่คุณเลือก ยกระดับมาตรฐานของคุณให้เข้ากับจุดที่พวกเขาอยู่ สิ่งที่พวกเขาทำและสิ่งที่พวกเขามองเห็นคุณค่า

การกำหนดมาตรฐานสำหรับผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) นั้นก้าวไปไกลกว่าการนั่งทำการวิจัยอย่างโดดเดี่ยว เมื่อเกรซเริ่มมองหาคนที่ใช่สำหรับเธอ เธอค้นพบกลุ่มคนมากมายอยู่ทั่วโลก เช่น กลุ่มการแพทย์แห่งอนาคต (Future Med) ที่ซิลิคอนแวลเลย์ในสหรัฐอเมริกา และการประชุมสัมมนาในยุโรป ซึ่งเป็นงานประชุมที่ผู้คนในเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัยจะมาพบปะกันเป็นประจำ

เกรซต้องซื้อเวลาเพื่อไปยังสถานที่เหล่านั้น เธอจึงสมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยศัลยแพทย์เพิ่มไปอีก 2-3 แห่งในออสเตรเลียพร้อมกับแผนการเดินทางนั้นในใจ เธอเขียนภาพแห่งอนาคตลงในใบสมัครของเธอ ว่าเธออยากเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนโฉมที่กำลังเกิดขึ้นในวงการแพทย์ตอนนี้ และเสนอคุณสมบัติอันไร้ที่ติของเธอ พร้อมกับขออนุญาตศัลยแพทย์เหล่านั้นว่า หากเธอได้ทำงานกับพวกเขา อยากให้พวกเขายินยอมผ่อนผันให้เธอเดินตามความฝันของเธอไปด้วย

เกรซได้รับการตอบรับให้เข้าร่วมทำงานจากศัลยแพทย์แนวหน้าของออสเตรเลียถึง 3 ท่าน เธอได้วางตารางการทำงานพาร์ทไทม์ของเธอร่วมกับศัลยแพทย์ทั้งสาม โดยเธอจะทำงานต่อเนื่องตลอดหลายเดือน เพื่อให้มีวันหยุดยาวขึ้น ในปี 2013 เธอสามารถลาหยุดได้ทั้งเดือนเพื่อไปเข้าร่วมงานประชุมสัมมนาในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เธอได้มีโอกาสพบกับบุคคลระดับสูงในอุตสาหกรรมที่เธอสนใจ ด้วยหนทางที่กล่าวมา เธอสามารถอยู่ในกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) และยังสามารถหาเงินจากการทำงานพาร์ทไทม์ได้สูงอีกต่างหาก ทำให้เธอมีพลังงานและตื่นเต้นในแต่ละวัน นั่นเป็นจังหวะที่เข้าสู่ขั้นตอนที่ 3

ขั้นตอนที่ 3 : ตามกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) ไป

อย่าพยายามทำทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเองเพียงคนเดียว หรือคว้าโอกาสอะไรก็ไม่รู้ที่ผ่านเข้ามาตรงหน้าคุณอย่างง่ายๆ จงใช้ความเฉลียวฉลาดด้านการรับรู้ของคุณ สัมผัสดูว่าคุณจะสามารถเพิ่มคุณค่าที่สร้างผลกำไรให้กับคนที่คุณต้องการทำงานด้วยได้ตรงไหนบ้างแล้วเกาะกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) นั้นไป

ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษาสามารถเปลี่ยนแผนการให้เป็นการลงมือทำ นั่นเป็นสาเหตุที่หลายๆ คนชอบที่จะให้มีผู้มีความเป็นอัจฉริยะแบบนี้อยู่ในทีมของพวกเขา ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) ติดค้างอยู่ในจุดที่พวกเขาต้องส่งมอบผลงานโดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร หรือมีเวลาทำงานนั้นไม่เพียงพอ ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา (Tempo) ต้องเข้าร่วมหรือสร้างทีมซึ่งพวกเขาจะสามารถมีรายได้จากการช่วยผู้อื่นให้มีรายได้ พวกเขามักจะเป็นคนที่ค้นพบหนทางที่ฉลาดกว่าในการบริหารต้นทุน วางจังหวะ และจัดทุกอย่างให้เรียบร้อย และการที่ผู้มีความเป็นอัจฉริยะแห่งการให้คำปรึกษา(Tempo) ทำเช่นนี้ช่วยให้คนอื่นๆ ในทีมสามารถไปขุดคลองเพื่อเชื่อมต่อกับแม่น้ำได้ ทำอย่างนี้แล้วง่ายกว่าการไปขุดและสร้างบ่อน้ำด้วยตนเองตั้งเยอะ

นั่นเป็นสิ่งที่เกรซเริ่มทำทันทีเมื่อเธอเริ่มมีรายได้หมุนเข้ามา เธอรู้ว่ามีคนสนใจข้อมูลที่เธอค้นคว้าและทักษะการใช้โซเชียลมีเดียของเธอ คิดค้นสูตรการบริการจำเพาะสำหรับความต้องการของพวกเขา เธอเชื่อมต่อเข้ากับทีมที่สามารถสนับสนุนเธอตามมาตรฐานที่เธอตั้งเอาไว้ได้ และที่สำคัญไปกว่านั้นเธอยังมีเวลาออกไปข้างนอก พบปะเชื่อมต่อกับผู้คนที่เธอจำเป็นและต้องการพบเพื่อให้เธอสามารถที่จะเดินตามกระแสแห่งความลื่นไหล (flow) ไปได้เรื่อยๆ เกรซชอบทุกนาทีที่เธอได้ทำสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่เคยเป็นแค่เพียงความฝันกลับกลายเป็นความจริงแล้ว นั่นเป็นเพราะว่า เกรซแห่งการให้คำปรึกษากำลังเดินหน้าอยู่ในกระแสความลื่นไหล (flow) ของผู้อื่นมากกว่าที่จะเดินหน้าไปอย่างโดดเดี่ยว

รายละเอียดแบบเจาะลึกสามารถอ่านได้จากหนังสือ?The Millionaire Master
เวอร์ชั่นแปลไทยชื่อ?แผน 9 ขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี ที่นี่

Ultimate Check List Wealth Spectrum ระดับ Infrared

JOIN FREE! Click >>?Wealth Spectrum VIP
กลุ่ม VIP บนเฟซบุ๊ค เพื่อเรียนรู้แบบเจาะลึกผ่านบทความและวีดีโอเนื้อหาสุดแน่นในชุมชนของเรา

REGISTER! Click >>?Wealth Spectrum Course Online
ลึกได้อีกกับคอร์สออนไลน์ Wealth Spectrum ที่จะพาคุณเขียนแผนที่ความมั่งคั่งในแบบของคุณ ที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติจริงได้ทันที

เรียนรู้ Wealth Spectrum ในระดับต่าง ๆ

ระดับ?ใต้สีแดง เหยื่อผู้ตกอยู่สุดก้นเหวแห่งความมั่งคั่ง

ระดับ?สีแดง นักดิ้นรน สู้สุดกำลังเพื่อต่อลมหายใจแบบวันต่อวัน?

ระดับ?สีส้ม มนุษย์งาน ผู้พอกินพอใช้ภายใต้การทำงานหนัก

ระดับ?สีเหลือง ผู้เชี่ยวชาญ มีกินเหลือเก็บและทำงานคนเดียว

ระดับ?สีเขียว นักดนตรีนำ ผู้คุมทีมเพื่อประสานกระแสแห่งความมั่งคั่ง

ระดับ?สีฟ้า วาทยากร ผู้นำกองทัพนักดนตรีประสานกระแสแห่งความมั่งคั่ง

3 ระดับสเปคตรัมสูงสุด?รวมกันที่นี่?

• สีคราม ผู้พิทักษ์สิทธิ์ เจ้าของหน่วยธุรกิจสร้างความมั่งคั่งอยู่ในกรรมสิทธิ์
• ระดับ สีม่วง?นักประพันธ์ ผู้ทรงอิทธิพลที่สามารถสร้างแรงสะเทือนทั้งอุตสาหกรรม
• ระดับ สีม่วง นักสร้างตำนาน ผู้ที่เงินไม่ใช่ปัญหาและมีชีวิตอยู่เหนือกาลเวลา?